หอการค้าไทยที่มีสมาชิกทั่วประเทศ ณ ปัจจุบันกว่า 1.2 แสนราย และตั้งเป้าขยายเครือข่ายสมาชิกเพิ่มเป็น 2 แสนรายใน 3 ปีนับจากนี้ ถือเป็นหนึ่งในสถาบันหลักภาคเอกชนที่มีบทบาทสำคัญต่อการขับเคลื่อนภาคธุรกิจและเศรษฐกิจไทยให้เติบโตไปข้างหน้า ในปี 2567 นี้ หอการค้าไทยยังมีแผนงาน/ยุทธศาสตร์ที่จะผลักดันอย่างต่อเนื่อง
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ในปีนี้มีอย่างน้อยใน 3 ประเด็นสำคัญที่หอการค้าไทยจะขับเคลื่อน โดยได้นำเสนอเป็นสมุดปกขาวต่อนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังไปแล้วในงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 41 ก่อนหน้านี้ และเป็นประเด็นหลักที่จะต้องติดตามและร่วมหาแนวทางขับเคลื่อนร่วมกับรัฐบาลต่อไป ประกอบด้วย
1.การยกระดับ Innovation Digital และนำเทคโนโลยี มาเพิ่มประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเทศไทยยังขาดอยู่ จึงเสนอให้ภาครัฐช่วยยกระดับมาตรการ Talent immigration policy เพื่อดึงดูดคนต่างชาติที่เก่งเข้ามาทำงานและอยู่อาศัยในประเทศไทยซึ่งจะช่วยให้เกิดการสร้างงาน รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีและทักษะสมัยใหม่ โดยรัฐบาลควรมีมาตรการจูงใจที่เหมาะสม เช่น การอำนวยความสะดวกเรื่อง วีซ่า และ ใบอนุญาตทำงาน (Work permit) มาตรการทางภาษี มาตรการพำนักอยู่อาศัยที่เหมาะสม เป็นต้น
2.ผลักดันให้รัฐบาลมีนโยบายเพิ่มจำนวนประชากรและพัฒนาประชากรให้มีคุณภาพเพื่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลก ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา แต่วันนี้ต้องยอมรับว่าศักยภาพของแรงงานไทยหากเทียบกับเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม อินโดนีเซีย หรือมาเลเซีย ยังถือเป็นรอง โดยเฉพาะการพัฒนาแรงงานให้มีทักษะเฉพาะเพื่อรองรับอุตสาหกรรมสมัยใหม่ให้เพียงพอ ซึ่งในส่วนของหอการค้าฯพยายามสร้างบทบาทของผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (YEC) ให้เข้ามามีส่วนร่วมกับกิจกรรมหรือโครงการที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจของแต่ละจังหวัดให้มากขึ้น
3.การผลักดันโครงการพัฒนาเมืองรอง 10 จังหวัด เป็นเมืองหลัก ถือเป็นโมเดลต้นแบบความร่วมมือภาครัฐภาคเอกชนและประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้เกิดการยกระดับรายได้และลดความเหลื่อมลํ้าให้กับประเทศไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ให้ความสนใจและมีการหารือกับหอการค้าฯ ถึงแนวทางการขับเคลื่อนโครงการดังกล่าว
“ขณะนี้ได้มีการจัดตั้งคณะทำงานที่ประกอบด้วยหน่วยงานภาครัฐส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และผู้แทนของหอการค้าฯ โดยอยู่ระหว่างการปรับปรุงรายละเอียดก่อนที่จะมีการแถลงข่าวเดินหน้าโครงการ ซึ่งถือเป็นบิ๊กโปรเจ็กต์ที่หอการค้าฯ และรัฐบาลจะร่วมกันดันเศรษฐกิจในระดับจังหวัดให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด และจะเป็นโมเดลเพื่อขยายผลกับจังหวัดอื่น ๆ ในระยะต่อไป”
นอกจากแผนงานในประเทศแล้ว ในปีนี้หอการค้าฯ จะสานต่อการเดินหน้าขยายโอกาสทางการค้าระหว่างประเทศ เพื่อเป็นลู่ทางให้กับผู้ประกอบการไทยได้ขยายตลาดที่มีศักยภาพ ทั้งการเดินสายโรดโชว์ เพื่อดึงดูดการลงทุนร่วมกับรัฐบาลในประเทศยุทธศาสตร์สำคัญ ทั้ง จีน อินเดีย ซาอุดิอาระเบีย และภูมิภาคตะวันออกกลาง ตลอดจนการจัดงานแสดงสินค้าระดับนานาชาติในประเทศ อาทิ งาน THAIFEX – Anuga Asia 2024 ที่ถือเป็นงานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย, การจัดงานแสดงสินค้า THAIFEX HOREC Asia 2024 ที่เน้นธุรกิจด้านโรงแรม ร้านอาหาร และการจัดเลี้ยง ซึ่งถือเป็นการจัดขึ้นเป็นครั้งแรก รวมถึงการงานแสดงสินค้า การจับคู่ธุรกิจ และบิสซิเนส ฟอรัมในต่างประเทศด้วย
อนึ่ง เมืองรอง 10 จังหวัดที่รัฐและเอกชนมีแผนจะร่วมผลักดันการพัฒนาให้เป็นเมืองหลัก ได้แก่ แพร่ ลำปาง นครสวรรค์ นครพนม ศรีสะเกษ ราชบุรี กาญจนบุรี จันทบุรี นครศรีธรรมราช และตรัง