บิ๊กหอการค้าฯลุ้น เศรษฐกิจไทย 2567 ปีมะโรงฟื้น ส่งออก-ท่องเที่ยวโงหัว

02 ม.ค. 2567 | 04:24 น.
อัปเดตล่าสุด :02 ม.ค. 2567 | 04:44 น.

ปี 2566 ที่ผ่านพ้นไปเศรษฐกิจไทยไม่สดใสนัก กำลังซื้อของผู้บริโภคยังชะลอตัว และระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอย ส่วนปี 2567 ในมุมผู้นำภาคธุรกิจเอกชนมองทิศทางแนวโน้มจะเป็นอย่างไร

ฟังจากปาก นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ที่ให้สัมภาษณ์กับ “ฐานเศรษฐกิจ” ไว้อย่างน่าสนใจยิ่ง

นายสนั่น ย้อนรอยเศรษฐกิจไทยปี 2566 ว่า มีทิศทางการฟื้นตัวที่ค่อนข้างช้า และอาจเติบโตได้น้อยกว่าที่คาดไว้ โดย 9 เดือนแรกผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ จีดีพีเติบโตเฉลี่ยเพียง 1.9% เป็นผลจากการส่งออกที่ยังชะลอตัว ภาคการท่องเที่ยวที่เป็นความหวังสูงสุดมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติตํ่ากว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยทั้งปีคาดจะมีราว 28 ล้านคน จากเป้าหมาย 30 ล้านคน และเมื่อมาดูถึงตัวเลขรายได้จากการใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติก็พบว่ามีการใช้จ่ายที่ลดลงเหลือเพียง 4.3 หมื่นบาท/คน/ทริป จากที่เคยประมาณการ 4.55 หมื่นบาท/คน/ทริป

นอกจากนี้ส่วนหนึ่งที่จีดีพีของไทยเติบโตไม่โดดเด่นมากเป็นผลมาจากความล่าช้าในระหว่างช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาลชุดใหม่ทำให้การใช้จ่ายเม็ดเงินภาครัฐไม่เป็นไปตามแผน สะท้อนจากตัวเลขของ GDP Q3/2566 ที่เติบโตเพียง 1.5% ซึ่งการอุปโภคภาครัฐติดลบถึง 4.9% หากสถานการณ์เศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอนในลักษณะนี้ประเมินว่าทั้งปี จีดีพีไทยจะเติบโตได้เพียง 2.4% ซึ่งน้อยกว่าประมาณการเดิมที่ 2.5-3% ส่วนการส่งออกน่าจะติดลบในระดับ -2.0 ถึง -1.0% และตัวเลขเงินเฟ้อขยับลงมาในกรอบที่ 1.3 ถึง 1.7%

สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย

  • ลุ้นเศรษฐกิจไทยปี 67 ฟื้น

สำหรับเศรษฐกิจไทยปี 2567 หอการค้าฯ ประเมินว่า ภาพรวมเศรษฐกิจมีแนวโน้มฟื้นตัวมากขึ้นโดยมีปัจจัยบวกจากแนวโน้มการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ตลอดจนอีเวนท์โปรโมทเทศกาลสำคัญของประเทศ การขยายมาตรการวีซ่าฟรีให้กับหลายประเทศที่เป็นเป้าหมายดึงดูดการท่องเที่ยว คาดจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปีจำนวน 33 –35 ล้านคน และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในรูปแบบต่าง ๆ โดยเฉพาะหากนโยบายเติมเงินดิจิทัล วอลเล็ตสามารถดำเนินการได้เต็มวงเงิน 5 แสนล้านบาท ประเมินว่าจะช่วยเพิ่มการเติบโตของ GDP ได้อีกอย่างน้อย 1-1.5%

“หอการค้าฯ ประเมินจีดีพีไทยปี 2567 น่าจะเติบโตได้ราว 2.8 ถึง 3.3% โดยภาคการส่งออกน่าจะพลิกกลับมาเป็นบวกได้จากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าและนโยบายการต่างประเทศเชิงรุกของรัฐบาลที่เน้น 10 ประเทศเป้าหมาย จะมีส่วนขยายการส่งออกได้ทั้งปีราว 2.0 ถึง 3.0% อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยลบที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดคือความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครน และอิสราเอล-ปาเลสไตน์ที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะจบลงอย่างไร จะยังคงเป็นแรงกดดันเศรษฐกิจของโลก”

บิ๊กหอการค้าฯลุ้น เศรษฐกิจไทย 2567 ปีมะโรงฟื้น ส่งออก-ท่องเที่ยวโงหัว

ส่วนปัจจัยความเปราะบางในประเทศ เช่น หนี้ครัวเรือน ความสามารถในการชำระหนี้ของภาคธุรกิจ สถานการณ์การก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยของไทย ปัญหานํ้าท่วม นํ้าแล้งที่อาจเกิดขึ้นเร็วและยาวนานซึ่งจะกระทบต่อภาคการเกษตรอย่างรุนแรง และขยายวงกว้างมากขึ้น จึงเป็นสิ่งที่ไทยจำเป็นต้องเร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจในระยาวเพื่อให้สามารถแข่งขันและเติบโตเต็มศักยภาพได้อย่างเร็วที่สุด

  • ตามงานรัฐจากสมุดปกขาว

นายสนั่น กล่าวอีกว่า แผนงานของหอการค้าไทยในปี 2567 ยังมุ่งมั่นเดินหน้าเป็นองค์กรที่ช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในการขยายโอกาสทางการค้า การลงทุน และการผลักดันการปลดล็อกข้อจำกัดในการดำเนินธุรกิจให้มีความสะดวกมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันหลายประเด็นที่มีข้อเสนอไปยังรัฐบาลก็จะต้องติดตามความคืบหน้าและให้ความเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อภาพรวมเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยหลายประเด็นสำคัญได้มีการนำเสนอผ่านสมุดปกขาว งานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 41 ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านซึ่งได้ส่งผ่านไปยังนายกรัฐมนตรี และเป็นประเด็นหลักที่จะต้องติดตามและร่วมหาแนวทางกับรัฐบาล อาทิ

1.การยกระดับ Innovation Digital และนำเทคโนโลยี มาเพิ่มประสิทธิภาพซึ่งเป็นสิ่งที่ประเทศไทยยังขาดอยู่ 2. ผลักดันให้รัฐบาลมีนโยบายเพิ่มจำนวนประชากร และพัฒนาประชากรให้มีคุณภาพเพื่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกพร้อมเป็น Global Citizen 3.การผลักดันโครงการพัฒนาเมืองรอง 10 จังหวัดเป็นเมืองหลักถือเป็นโมเดลต้นแบบความร่วมมือภาครัฐภาคเอกชนและประชาชนในพื้นที่ให้เกิดการยกระดับรายได้และลดความเหลื่อมลํ้าให้กับประเทศไทย