ร้อยเอกธรรมนัสพรหมเผ่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายพัฒนาสุกรและผลิตภัณฑ์ (Pig board) ครั้งที่1/2567 โดยมีนายอภัยสุทธิสังข์รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ผู้บริหารส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมณห้องประชุมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
สำหรับการประชุมในวันนี้ที่ประชุมมีมติเห็นชอบแนวทางการรักษาเสถียรภาพราคาสุกร เพื่อแก้ไขวิกฤตราคาสุกรตกต่ำ และสร้างความยั่งยืนในอาชีพการเลี้ยงสุกรสำหรับกลุ่มเกษตรกรรายย่อย ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ โดยกรมปศุสัตว์ ได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการเร่งรัดจัดทำโครงการรักษาเสถียรภาพราคาสุกร ประกอบด้วย 2 แนวทางดังนี้
1.การลดจำนวนลูกสุกรที่จะเข้าสู่ระบบการผลิตโดยการทำหมูหัน เพื่อแก้ไขปัญหาราคาสุกรตกต่ำจากปริมาณผลผลิตมากเกินความต้องการ ซึ่งมีเป้าหมายตัดวงจรลูกสุกรขนาด 3 - 7 กก. จำนวน 450,000 ตัว
2.การผลักดันการส่งออกสุกรไปต่างประเทศ โดยสนับสนุนให้ผู้ส่งออกที่มีศักยภาพภายใต้การคัดเลือกและรับรองขององค์กรที่เกี่ยวข้องกับสินค้าสุกรประเภทเนื้อสุกรแช่เย็นหรือแช่แข็งซึ่งมีเป้าหมายการส่งออกจำนวน 8,400 ตัน ภายในระยะเวลา 2 เดือน
ทั้งนี้ ร้อยเอกธรรมนัส ยังได้มอบหมายกรมปศุสัตว์ร่วมบูรณาการกับกรมการค้าภายในในการตรวจสอบและติดตามสถานการณ์ราคาจำหน่ายเนื้อสุกรในสถานที่จำหน่ายของผู้ค้ารายใหญ่พร้อมทั้งจัดตั้งชุดเฉพาะกิจในการตรวจสอบแหล่งที่มาของเนื้อสุกรที่พบความผิดปกติ ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)โรคระบาดสัตว์ ,พ.ร.บ.ควบคุมการฆ่าสัตว์และจำหน่ายเนื้อสัตว์ และพ.ร.บ.คุ้มครองคุณภาพอาหาร อีกด้วย
ด้านนายสัตวแพทย์ วิวัฒน์ พงษ์วิวัฒนชัย อุปนายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า วันนี้ (30 ม.ค.67) ได้มีหนังสือที่ยื่นถึงนายกรัฐมนตรี ผ่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีด้วยกัน 2 เรื่องได้แก่ 1.เร่งรัดคดีหมูเถื่อน ปัจจุบันเงียบมาก และตัวการใหญ่ยังไม่ได้มีการเปิดเผย ตามคำบัญชาของนายกรัฐมนตรี และ เรื่องที่ 2 ขอให้นายกได้สั่งการให้ท่าเรือกรุงเทพฯ ให้เปิดเผยกระบวนการตรวจปล่อยสินค้านำเข้าอาหารแช่แข็ง และสินค้าอื่นๆ เพื่อขอความมั่นใจกับระบบในปัจจุบันว่ามีการแก้ไข เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการลับลอบและสำแดงสำแดงพิกัดสินค้าเป็นเท็จของผู้นำเข้าที่นอกเหนือจากรัฐ ต้องสูญเสียรายได้อากรขาเข้าจำนวนมหาศาลแล้ว อีกทั้งยังเป็นตัวต้นเหตุมาทำลายตลาดสุกรในประเทศ ตั้งแต่ปลายปี 2565 จนถึงปัจจุบัน