ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่ผู้แทนการค้าไทย ให้สัมภาษณ์ถึงเป้าหมายการทำงานของทีมไทยแลนด์ ภายใต้การนำของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี “หัวหน้าเซลล์แมน” ว่า สิ่งที่ทำให้ “รัฐบาลเศรษฐา” ให้ความสำคัญกับการดึงเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ ก็เพราะเงินลงทุนเหล่านี้ จะนำไปสู่การสร้างรายได้เพิ่มของประเทศไทย ซื้อวัตถุดิบในไทยเพิ่ม จ้างแรงงานไทยเพิ่ม และถ่ายทอดองค์ความรู้ให้ผู้ประกอบการไทย นำไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่
ผู้แทนการค้าไทย กล่าวว่า รายงานสถิติการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนปี 2566 มูลค่ารวม 663,239 ล้านบาท โครงการเหล่านี้เกิดเป็นรายได้จากการส่งออกเข้าประเทศไทย สูงถึงปีละประมาณ 2.2 ล้านล้านบาท เกือบ 4 เท่าของมูลค่าที่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริม
มูลค่าการส่งออกอันดับหนึ่งมาจากอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ มูลค่ารวม 883,409 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 40 ของรายได้ จากการส่งออกของโครงการต่างชาติที่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมทั้งหมด
รองลงมา คือ อุตสาหกรรมเกษตร อาหาร และ เทคโนโลยีชีวภาพ มูลค่ารวม 788,019 ล้านบาท หรือ คิดเป็นร้อยละ 36 ของรายได้จากการส่งออกของโครงการต่างชาติที่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมทั้งหมด
ผู้แทนการค้าไทย กล่าวด้วยว่า นอกจากการส่งออกที่สร้างรายได้สู่ประเทศเป็นจำนวนมากข้างต้นแล้ว โครงการที่เข้ามาลงทุนยังเข้ามาชื้อวัตถุดิบในประเทศไทยเพิ่มปีละประมาณ 1.3 ล้านล้านบาท เกือบ 2 เท่าของมูลค่าที่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริม
โดยมูลค่าการซื้อวัตถุดิบในประเทศส่วนมาก มาจากโครงการในอุตสาหกรรมเกษตร อาหาร และ เทคโนโลยีชีวภาพที่ใช้วัตถุดิบภายในประเทศรวมมูลค่า 797,867 ล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็นร้อยละ 62 ของมูลค่าวัตถุดิบภายในประเทศของโครงการต่างชาติที่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมทั้งหมด
นอกจากนี้ โครงการต่างชาติที่ได้รับการอนุมัติในปี 2566 ก่อให้เกิดการจ้างแรงงานไทยรวม 115,285 คน โดยอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์จ้างแรงงานไทยเพิ่มมากสุด 52,693 ตำแหน่ง หรือคิดเป็นร้อยละ 46 ของจำนวนการจ้างแรงงาน ไทยของโครงการต่างชาติที่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมทั้งหมด
“นายกฯเศรษฐา รองฯ ภูมิธรรม รองฯ ปานปรีย์ จึงได้มอบนโยบายให้ทีมไทยแลนด์ทุกคนร่วมกันทำงาน เพื่อดึงเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ เพื่อเพิ่มรายได้เข้าสู่ประเทศ เพิ่มกำลังซื้อวัตถุดิบในประเทศ เพิ่มการจ้างแรงงานไทย ทั้งหมดนี้ เพื่อผลประโยชน์ต่อระบบเศรษฐกิจไทย ผู้ประกอบการไทย พี่น้องเกษตรกร รวมถึงพี่น้องแรงงานไทย” ผู้แทนการค้าไทยกล่าวย้ำ