นายกสมาคมชาวนาฯ ยันข้าวนาปรังราคาดีที่สุดในรอบหลายปี

25 มี.ค. 2567 | 11:04 น.
อัปเดตล่าสุด :25 มี.ค. 2567 | 12:26 น.

“ปราโมทย์” นายกสมาคมชาวนาฯ ยัน ข้าวนาปรังเกี่ยวสดขายได้ 1 หมื่นบาท/ตัน ชี้เป็นราคาดีที่สุดในรอบหลายปี ส่วนราคาข้าวเวียดนาม ปรับราคาลงมาเหลือ 9 พันบาท/ตัน ขายราคาดีกว่าทุกปี มองภาพรวมชาวนาส่วนใหญ่พอใจ

นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย เปิดเผยว่า ตามที่เกษตรกรชาวนาหลายจังหวัด ให้ข่าวว่า ข้าวเปลือกร่วงรุนแรงไม่สอดคล้องกับที่รัฐบาลให้ข่าวนั้น ไม่เป็นความจริง จากข้อเท็จจริงพบว่า ราคาข้าวนาปรังที่กำลังออกสู่ตลาดขณะนี้ ถือว่ามีราคาสูงที่สุดในรอบหลายปี

โดยราคาข้าวเปลือกเกี่ยวสด ปัจจุบันยังจำหน่ายได้ราคา 10,000 บาท/ตัน ถ้าเป็นข้าวแห้งได้ราคา 11,000 – 12,000 บาท/ตัน แม้ข้าวพื้นนุ่มสายพันธุ์เบอร์ 20 หรือ 80 ที่โรงสี  จะปรับลดราคาลงมาที่ตันละ 9,000 บาท    แต่ก็ยังถือว่าสูงกว่าปีที่ผ่าน ๆ มาที่เคยจำหน่ายข้าวเกี่ยวสดได้เพียง 6,000 – 7,000 บาท/ตัน ราคาปัจจุบันก็ถือว่าเกษตรกรที่ปลูกข้าวนาปรังมารายได้มากกว่าทุก ๆ ปีที่ผ่านมา เกษตรกรก็มีความพอใจแล้ว

นายปราโมทย์ กล่าวอีกว่า การที่เกษตรกรหันมานิยมปลูกข้าวเบอร์ 20 หรือ 80 มากขึ้น ตามที่เป็นประเด็นอยู่นั้น เนื่องจากได้ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่มากกว่าข้าวพันธุ์ กข. แต่ด้านคุณภาพ โรงสีบอกว่า มีท้องไข่และเมล็ดแตกหักง่าย ซึ่งเรื่องนี้ทางโรงสีเองก็ได้เคยบอกชาวนาไว้ล่วงหน้าแล้ว แม้จะได้ราคาลดลงมาบ้าง แต่ได้ปริมาณข้าวที่นำไปจำหน่ายมากขึ้น เกษตรกรจึงควรปลูกข้าวพันธุ์ที่ตลาดต้องการและดูแลคุณภาพข้าวของตัวเองด้วย

อย่างไรก็ตาม ราคาข้าวนาปรังปีนี้ยังถือว่าเป็นปีที่สูงสุดในรอบหลายปี ถือว่าเกษตรกรพอใจมาก นายปราโมทย์ กล่าวย้ำ

นายกสมาคมชาวนาฯ ยันข้าวนาปรังราคาดีที่สุดในรอบหลายปี

นายปราโมทย์ ยังกล่าวอีกว่า วันนี้  (25 มี.ค.67) มีการประชุมคณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติด้านการผลิต ครั้งที่ 1/2567 โดยมี ร้องเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน ที่ประชุมในวาระเพื่อพิจารณา ที่ประชุมมีมติเห็นชอบกับมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวด้านการผลิต เพื่อทดแทนมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ในโครงการสนับสนุนปุ๋ยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว  มีเป้าหมายสนับสนุนค่าปุ๋ย โดยใช้หลักคิดตามหลักวิชาการ ว่าเกษตรกรใช้ปุ้ยในอัตราไร่ละ 50 กก. ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ (ครัวเรือนละไม่เกิน 1,000 กก.) เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2567/68

 

สำหรับวิธีการจ่าย "ค่าปุ๋ยคนละครึ่ง" โดยให้เกษตรกรจ่ายค่าปุ๋ยครึ่งหนึ่ง และรัฐบาลสนับสนุนอีกครึ่งหนึ่ง (ในอัตราปุ๋ยไร่ละ 25 กก. ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ คือไม่เกินครัวเรือนละ 500 กก.)  โดยงบประมาณรวมอยู่ที่ 33,530 ล้านบาท ลดลงกว่า 20,770 ล้านบาท จากโครงการไร่ละ 1,000 บาท (เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้งบประมาณช่วยเหลือชาวนาปีละ54,300 ล้านบาท -33,530ล้านบาท)

ขั้นตอนและวิธีดำเนินโครงการ จะผ่านกรมการข้าว โดยจะมีการตรวจสอบสิทธิ์โดย ธ.ก.ส. มีการจัดหาปุ๋ยโดย อ.ต.ก. วิเคราะห์ปุ๋ยที่จะจัดหาโดย กรมวิชาการเกษตร และมีการส่งมอบปุ๋ยให้กับเกษตรกรในพื้นที่ต่างๆต่อไป โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบ และจะนำเข้าสู่ที่ประชุม คณะกรรมการ นโยบาย และการบริหารข้าวแห่งชาติ พร้อมรายละเอียดอื่นๆเพื่อพิจารณาต่อไป

 

นายปราโมทย์ กล่าวว่า ในการประชุมครั้งนี้ สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย เห็นชอบ และนำ เสนอต่อที่ประชุมในเรื่อง การจัดการแหล่งน้ำ และพันธุข้าวควบคู่กันไป และในที่ประชุมได้มีความเห็น และข้อเสนอ ของกรรมการ ประธานได้สั่งการ ให้กรรมการข้าวนำไปพิจารณา เช่นส่วนของชาวนาที่ทำนาแบบอินทรีย์ และประเด็นอื่นๆเพิ่มเติม

 

สรุปทั้งหมดนี้เป็น เป็นเพียงรายงานข้อมูลเบื้องต้นพอสังเขปเท่านั้นส่วนรายละเอียดต่างๆก็คงจะต้องรอการสรุปอย่างเป็นทางการอีกครั้งในวันที่ประชุม นบข.

 

 

รายงาน สมาคมโรงสีข้าวไทย พบว่าราคาข้าวเปลือก ณ วันที่ 25 มีนาคม 2567 ปรับตัวขึ้นมา

 

นายกสมาคมชาวนาฯ ยันข้าวนาปรังราคาดีที่สุดในรอบหลายปี