ดัน "ข้าวหอมมะลิไทย" ตีตลาดอิตาลี หลังอียูตัดสิทธิ์ GSP เวียดนาม-เมียนมา

01 เม.ย. 2567 | 04:00 น.
อัปเดตล่าสุด :01 เม.ย. 2567 | 04:25 น.

“ภูมิธรรม เวชยชัย” ชี้โอกาส "ข้าวหอมมะลิไทย" ส่งออกตลาดอิตาลีสดใสมากขึ้น หลังอิตาลีเร่งปลูกข้าวเพิ่ม แต่ยังไม่พอ แถมข้าวเวียดนาม-เมียนมา ถูกอียูตัดสิทธิ์ GSP และอินเดียยังห้ามส่งออกข้าว

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ว่าได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก สำรวจโอกาสทางการค้าให้กับผู้ประกอบการไทย ล่าสุดได้รับรายงานจากทูตพาณิชย์มิลาน อิตาลี ถึงสถานการณ์การผลิตและการนำเข้าข้าวของอิตาลี และโอกาสในการขยายตลาดข้าวไทยในอิตาลี ที่ในปี 2567 ยังคงมีแนวโน้มเติบโตได้ดีตามความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น

ทั้งนี้ทูตพาณิชย์ได้รายงานสถานการณ์การผลิตข้าวของอิตาลีว่า ในปี 2567 เกษตรกรอิตาลี จะกลับมาเพาะปลูกข้าวอีกครั้ง หลังจากเผชิญกับวิกฤตสภาพอากาศที่ไม่แน่นอนและภัยแล้ง แต่ผลผลิตก็ยังไม่มากพอ ที่จะตอบสนองต่อความต้องการบริโภค ทั้งในประเทศและส่งออก ขณะที่การนำเข้าข้าวมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น แต่มีการนำเข้าจากเวียดนามและเมียนมาลดลง จากการที่สหภาพยุโรป (อียู) ได้ตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร(GSP) ที่ให้กับ 2 ประเทศนี้ เพราะไม่เคารพต่อการใช้กฎการคุ้มครองแรงงานขั้นพื้นฐาน

โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา ตัวเลขจาก Global Trade Atlas พบว่า อิตาลีนำเข้าข้าวจากทั่วโลก มีมูลค่า 303.29 ล้านดอลลาร์ ลดลง 14.21% โดยไทยถือเป็นแหล่งนำเข้าสำคัญของอิตาลี อันดับ 3 มีมูลค่า 23.62 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 16.01% รองจาก ปากีสถาน มูลค่า 113.63 ล้านดอลลาร์ เพิ่ม 24.69% และอินเดีย มูลค่า 40.76 ล้านดอลลาร์ เพิ่ม 88.51%

โดยนำเข้าข้าวหอมมะลิและข้าวขาวมากที่สุด มูลค่า 20.22 ล้านดอลลาร์ เพิ่ม 38.64% โดยข้าวหอมมะลิไทย ยังคงเป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคท้องถิ่น ด้วยเม็ดข้าวที่มีความนุ่ม หอม อร่อย แต่ราคาค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับข้าวหอมและข้าวชนิดอื่นจากประเทศเพื่อนบ้านของไทย โดยเฉพาะข้าวจากเมียนมาและเวียดนาม

ดัน \"ข้าวหอมมะลิไทย\" ตีตลาดอิตาลี หลังอียูตัดสิทธิ์ GSP เวียดนาม-เมียนมา

“แนวโน้มการส่งออกข้าวไทยไปอิตาลีในปี 2567 น่าจะขยายตัวได้เพิ่มขึ้น เพราะอียูได้ระงับสิทธิ์ GSP จากเวียดนามและเมียนมา ทำให้ปี 2566 ทั้ง 2 ประเทศนี้ส่งออกไปอิตาลีลดลง 76.74% และ 76.54% ตามลำดับ และไทยยังได้อานิสงส์จากการงดส่งออกข้าวขาวของอินเดีย ทำให้ปี 2566 ข้าวไทยขยายตัวในตลาดอิตาลีอย่างมาก และคาดว่ายังคงขยายตัวต่อเนื่องในปี 2567 ผู้ส่งออกไทยต้องเตรียมความพร้อมในการส่งออก แต่ในปี 2568 หากทั้งสองประเทศได้รับสิทธิ์ GSP อีกครั้ง อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกข้าวไทย ซึ่งต้องจับตาต่อไป”  นายภูมิธรรม กล่าว

สำหรับตลาดข้าวไทยในอิตาลี ข้าวที่ได้รับความนิยมมากสุด คือ ข้าวหอมมะลิไทย โดยเป็นที่นิยมของผู้บริโภคโดยทั่วไป โดยเฉพาะชาวเอเชียและชาวต่างชาติ ที่พำนักอาศัยอยู่ในอิตาลี โดยปี 2566 มีชาวต่างชาติอาศัยอยู่ในอิตาลี 5,141,341 คน ในจำนวนนี้เป็นชาวเอเชีย 1,181,236 คน และชาวแอฟริกา 1,151,433 คน ซึ่งเป็นกลุ่มหลักที่บริโภคข้าว รวมถึงร้านอาหารไทยและร้านอาหารเอเชียที่เปิดเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างมากในการผลักดันให้ข้าวไทยขยายตัวได้ดีในอิตาลี

ดัน \"ข้าวหอมมะลิไทย\" ตีตลาดอิตาลี หลังอียูตัดสิทธิ์ GSP เวียดนาม-เมียนมา