หนึ่งในประเด็นที่ "ฝ่ายค้าน" ตั้งคำถามกับรัฐบาล ในการอภิปรายทั่วไปโดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 เมื่อช่วงวันที่ 3-4 เม.ย. ที่ผ่านมา คือ ปัญหาการเผ่าป่า และมาตรการที่เข้มข้นในการงดนำเข้าสินค้าเกษตรที่มีต้นกำเนิดมาจากการเผาป่า
ประเด็นนี้ ฝ่ายค้านซึ่งเป็นสส.จากพรรคก้าวไกล อภิปรายว่ารัฐบาลไม่ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 โดยเฉพาะนโยบายจาก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่มีข้อสั่งการ "ห้ามข้าวโพดจากต่างประเทศ" ที่มีกระบวนการผลิตที่เกี่ยวข้องกับการเผาเป็นสินค้าห้ามนำเข้ามาในประเทศโดยเด็ดขาดเพื่อแก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5
ประเด็นนี้ "นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์" ลุกขึ้นชี้แจงตอบข้อสงสัยของฝ่ายค้าน ระบุว่า กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญกับปัญหาฝุ่น PM2.5 และติดตามอยู่เสมอ ซึ่งคณะรัฐมนตรี(ครม.)ได้หารือในประเด็นห้ามข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากประเทศเมียนมาเข้าสู่ประเทศไทย เพราะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิด PM2.5 และมีความเห็นร่วมกันว่าให้กระทรวงพาณิชย์ไปพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบอีกครั้งหนึ่ง
"ซึ่งปัญหาดังกล่าวต้องพิจารณาให้ครบทุกมิติ โดยคำนึงว่าการดำเนินการดังกล่าาวขัดต่อกฎระเบียบขององค์การการค้าโลก (WTO) และขัดกับความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ASEAN Trade in Goods Agreement: ATIGA) ที่เป็นแบบแผนและแนวปฏิบัติทางการค้าร่วมกันหรือไม่" รมช.พาณิชย์ กล่าว
นายนภินทร ยังระบุด้วยว่า พบว่าการใช้ข้อยกเว้นดังกล่าวต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าฝุ่น PM2.5 เกิดขึ้นจากประเทศเพื่อนบ้านเท่านั้น และไม่ได้เกิดขึ้นในประเทศไทย ซึ่งต้องยอมรับว่าปัญหาดังกล่าวส่วนหนึ่งเกิดจากประเทศไทยด้วย เพราะมีจุดเผาไหม้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 จึงเป็นเหตุให้ไม่สามารถการดำเนินการดังกล่าวได้
"เพราะหากไทยปฎิบัติกับประเทศคู่ค้าอย่างไรต้องปฎิบัติกับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดในประเทศเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงต้องรอพระราชบัญญัติอากาศสะอาดมีผลบังคับใช้ก่อน" นายนภินทร กล่าวชี้แจง