พาณิชย์เกาะติดสงคราม “อิหร่าน-อิสราเอล” หวั่นทุบส่งออกไทย

15 เม.ย. 2567 | 06:07 น.
อัปเดตล่าสุด :15 เม.ย. 2567 | 06:10 น.

รองนายกฯ “ภูมิธรรม” สั่งพาณิชย์ เกาะติดสถานการณ์ความไม่สงบ “อิหร่าน-อิสราเอล” อย่างใกล้ชิด เตรียมรับมือหากกระทบส่งออก และการค้าของไทย เพื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที

จากกรณีที่อิหร่านเริ่มปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ โดยได้ยิงโดรนไปยังพื้นที่เป้าหมายในประเทศอิสราเอลในช่วงที่ผ่านมา 

วันนี้ (15 เมษายน 2567) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า และทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในต่างประเทศ ทำการประเมินสถานการณ์ที่อาจมีผลกระทบต่อการค้าของไทย 

ล่าสุด ได้รับรายงานจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ถึงสถานการณ์ปัจจุบันในอิหร่าน ที่ให้ประชาชนต้องติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด โรงเรียนยังไม่ถูกสั่งปิด และประชาชนเริ่มมีความวิตกกังวลกับสถานการณ์ที่จะตามมา 

สำหรับผลกระทบการค้าไทย-อิหร่าน เบื้องต้นยังไม่ได้รับผลกระทบใดๆ เนื่องจากพื้นที่เกิดเหตุอยู่ที่อิสราเอล คาดการณ์ว่าสถานการณ์การสู้รบน่าจะไม่ยืดเยื้อ ถ้าอิสราเอลไม่โต้กลับ โดยทางอิหร่านได้ประกาศหยุดโจมตี ยกเว้นถูกอิสราเอลตอบโต้ 

ทั้งนี้ยังได้ให้ติดตามสถานการณ์ที่ช่องแคบฮอร์มุส ในอิหร่าน ซึ่งเป็นช่องแคบที่สำคัญในการเดินเรือเพื่อส่งออกสินค้าสำคัญของประเทศที่ส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเกือบทั้งหมดในตะวันออกกลางทั้งซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อิหร่าน กาตาร์และคูเวต โดยช่องแคบฮอร์มุส ถูกใช้เป็นช่องทางขนส่งน้ำมันถึงวันละ 21 ล้านบาร์เรล หรือคิดเป็น 21% ของปริมาณการขนส่งน้ำมันทั่วโลกในแต่ละวัน

นายภูมิธรรม กล่าวว่า หากไม่สามารถขนส่งผ่านจุดดังกล่าวแม้เพียงชั่วคราว อาจนำไปสู่ความล่าช้าในการจัดหาน้ำมันและทำให้ต้นทุนการขนส่งสูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้ราคาพลังงานโลกเพิ่มสูงขึ้นได้ 

ทั้งนี้จึงได้สั่งการเพิ่มเติมว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอาจจะมีผลกระทบต่อการค้าไทยกับประเทศอื่น ๆ หรือไม่ เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจส่งผลต่อโลก จะได้เตรียมมาตรการรับมือและแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยในภาพรวม และจะยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบต่อไป