เปิดสถิติ 5 ประเทศ หอบเงินลงทุนในประเทศไทยสูงสุด ปี 2567

18 พ.ค. 2567 | 10:02 น.
อัปเดตล่าสุด :18 พ.ค. 2567 | 10:06 น.

เปิดสถิติกรมพัฒนาธุรกิจการค้า 5 ประเทศ ที่มีนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในไทย สูงสุด ต้นปี 2567 หลังพบการอนุญาตลงทุนประกอบธุรกิจกว่า 253 ราย วงเงินลงทุนรวม 5.4 หมื่นล้านบาท

การลงทุน ถือเป็นหนึ่งเครื่องยนต์สำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในด้านการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดสำคัญ และยังตอบโจทย์ได้ว่านโยบายของรัฐมีผลสำเร็จอย่างไรกับการสร้างแรงจูงใจให้กับนักธุรกิจเข้ามาลงทุนในประเทศ 

ล่าสุด กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้เปิดเผยสถิตินักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทยรอบ 4 เดือนของปี 2567 (มกราคม-เมษายน) โดยพบว่า การอนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทยภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มีด้วยกันทั้งสิ้น 253 ราย คิดเป็นเงินลงทุนรวมกว่า 54,958 ล้านบาท

สำหรับสถิตินักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทยรอบ 4 เดือนของปี 2567 จำนวน 253 ราย แยกเป็น 

  • การลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวจำนวน 69 ราย 
  • การขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และการใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ) จำนวน 184 ราย 

สำหรับนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนแยกเป็นรายประเทศ 5 อันดับแรก มีด้วยกันดังนี้

1. ญี่ปุ่น 

มีจำนวนเข้ามาลงทุนทั้งสิ้น 63 ราย คิดเป็น 25% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 34,055 ล้านบาท โดยลงทุนในธุรกิจต่าง ๆ ประกอบด้วย

  • ธุรกิจโฆษณา
  • ธุรกิจบริการตรวจสอบคุณภาพชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
  • ธุรกิจบริการชุบเคลือบผิวด้วยโลหะ
  • ธุรกิจบริการพัฒนาดิจิทัลคอนเทนต์ตามความต้องการของลูกค้า เช่น แอนิเมชัน
  • ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (ชิ้นส่วนอลูมิเนียมทุบขึ้นรูป/ ชิ้นส่วนรถยนต์/ ชิ้นส่วนโลหะ)

2. สิงคโปร์ 

มีจำนวนเข้ามาลงทุนทั้งสิ้น 42 ราย คิดเป็น 17% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 4,499 ล้านบาท โดยลงทุนในธุรกิจต่าง ๆ ประกอบด้วย

  • ธุรกิจบริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การให้คำปรึกษาแนะนำในการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและซอฟต์แวร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต การให้บริการติดตั้งเครื่องจักร และการแก้ไขปัญหา เพื่อลดการขัดข้องของเครื่องจักร เป็นต้น
  • ธุรกิจบริการติดตั้ง ซ่อมแซม บำรุงรักษาเครื่องชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ 
  • ธุรกิจบริการโทรคมนาคมแบบที่หนึ่ง ประเภทไม่มีโครงข่ายเป็นของตนเอง
  • ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์
  • ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (แม่พิมพ์และอุปกรณ์จับยึด/ ชิ้นส่วนยานพาหนะ/ ผลิตภัณฑ์จากพลาสติกชีวภาพ)

3. สหรัฐอเมริกา 

มีจำนวนเข้ามาลงทุนทั้งสิ้น 41 ราย คิดเป็น 16% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติ เงินลงทุน 1,148 ล้านบาท โดยลงทุนในธุรกิจต่าง ๆ ประกอบด้วย

  • ธุรกิจบริการทางวิศวกรรม
  • ธุรกิจค้าปลีกสินค้า (อาหารและเครื่องดื่มสำเร็จรูป/ เครื่องจักรที่ใช้ในงานอุตสาหกรรม/ เครื่องมือช่าง อุปกรณ์คอมพิวเตอร์)
  • ธุรกิจโฆษณา
  • ธุรกิจบริการให้คำปรึกษาและแนะนำในการประกอบธุรกิจในด้านต่างๆ เช่น การวางแผนทางธุรกิจการให้คำปรึกษาทางการเงิน และการให้คำปรึกษาทางการตลาด
  • ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (พวงมาลัยรถยนต์ / DRUM BRAKE ASSEMBLY)

4. จีน

มีจำนวนเข้ามาลงทุนทั้งสิ้น 29 ราย คิดเป็น 11% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติ เงินลงทุน 4,031 ล้านบาท โดยลงทุนในธุรกิจต่าง ๆ ประกอบด้วย

  • ธุรกิจบริการที่ให้แก่บริษัทในเครือ หรือบริษัทในกลุ่ม (บริการให้เช่าพื้นที่อาคารโรงงาน)
  • ธุรกิจบริการตัดโลหะ (Coil Center)
  • ธุรกิจบริการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อให้บริการดิจิทัล เช่น การรับฝาก การซื้อขาย และให้เช่าอสังหาริมทรัพย์
  • ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (ชุดพัดลมระบายความร้อนสำหรับรถยนต์/ หลอดไฟแบบ LED/ ชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับอุตสาหกรรม)
  • ธุรกิจบริการให้ใช้ช่วงสิทธิแฟรนไชส์ (Franchising) เพื่อประกอบธุรกิจการขายอาหารและเครื่องดื่ม

5. ฮ่องกง

มีจำนวนเข้ามาลงทุนทั้งสิ้น 17 ราย คิดเป็น 7% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 1,650 ล้านบาท โดยลงทุนในธุรกิจต่าง ๆ ประกอบด้วย

  • ธุรกิจค้าปลีกสินค้า (เครื่องฉีดขึ้นรูป/ ฟิล์มไวแสง)
  • ธุรกิจบริการศูนย์กระจายสินค้าระหว่างประเทศด้วยระบบที่ทันสมัย
  • ธุรกิจบริการออกแบบทางวิศวกรรม ก่อสร้าง ติดตั้ง ทดสอบการใช้งานระบบ การซ่อมแซม บำรุงรักษาแผงโซล่าเซลล์และอุปกรณ์ต่างๆ เกี่ยวกับระบบผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์
  • ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (อะไหล่และส่วนประกอบรถยนต์/ ชิ้นส่วนประกอบที่ทำจากอลูมิเนียม / แม่พิมพ์)
  • ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ เป็นการจัดซื้อสินค้า วัตถุดิบ และชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อค้าส่งในประเทศ