การลงทุน ถือเป็นหนึ่งเครื่องยนต์สำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในด้านการลงทุนจากนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดสำคัญ และยังตอบโจทย์ได้ว่านโยบายของรัฐมีผลสำเร็จอย่างไรกับการสร้างแรงจูงใจให้กับนักธุรกิจเข้ามาลงทุนในประเทศ
ล่าสุด กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้เปิดเผยสถิตินักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทยรอบ 4 เดือนของปี 2567 (มกราคม-เมษายน) โดยพบว่า การอนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทยภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 มีด้วยกันทั้งสิ้น 253 ราย คิดเป็นเงินลงทุนรวมกว่า 54,958 ล้านบาท
สำหรับสถิตินักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทยรอบ 4 เดือนของปี 2567 จำนวน 253 ราย แยกเป็น
- การลงทุนผ่านช่องทางการขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวจำนวน 69 ราย
- การขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว (ผ่านช่องทางการลงทุนตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน หรือได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และการใช้สิทธิตามสนธิสัญญาหรือความตกลงระหว่างประเทศ) จำนวน 184 ราย
สำหรับนักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนแยกเป็นรายประเทศ 5 อันดับแรก มีด้วยกันดังนี้
1. ญี่ปุ่น
มีจำนวนเข้ามาลงทุนทั้งสิ้น 63 ราย คิดเป็น 25% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 34,055 ล้านบาท โดยลงทุนในธุรกิจต่าง ๆ ประกอบด้วย
- ธุรกิจโฆษณา
- ธุรกิจบริการตรวจสอบคุณภาพชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
- ธุรกิจบริการชุบเคลือบผิวด้วยโลหะ
- ธุรกิจบริการพัฒนาดิจิทัลคอนเทนต์ตามความต้องการของลูกค้า เช่น แอนิเมชัน
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (ชิ้นส่วนอลูมิเนียมทุบขึ้นรูป/ ชิ้นส่วนรถยนต์/ ชิ้นส่วนโลหะ)
2. สิงคโปร์
มีจำนวนเข้ามาลงทุนทั้งสิ้น 42 ราย คิดเป็น 17% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 4,499 ล้านบาท โดยลงทุนในธุรกิจต่าง ๆ ประกอบด้วย
- ธุรกิจบริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การให้คำปรึกษาแนะนำในการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรและซอฟต์แวร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต การให้บริการติดตั้งเครื่องจักร และการแก้ไขปัญหา เพื่อลดการขัดข้องของเครื่องจักร เป็นต้น
- ธุรกิจบริการติดตั้ง ซ่อมแซม บำรุงรักษาเครื่องชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์
- ธุรกิจบริการโทรคมนาคมแบบที่หนึ่ง ประเภทไม่มีโครงข่ายเป็นของตนเอง
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (แม่พิมพ์และอุปกรณ์จับยึด/ ชิ้นส่วนยานพาหนะ/ ผลิตภัณฑ์จากพลาสติกชีวภาพ)
3. สหรัฐอเมริกา
มีจำนวนเข้ามาลงทุนทั้งสิ้น 41 ราย คิดเป็น 16% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติ เงินลงทุน 1,148 ล้านบาท โดยลงทุนในธุรกิจต่าง ๆ ประกอบด้วย
- ธุรกิจบริการทางวิศวกรรม
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า (อาหารและเครื่องดื่มสำเร็จรูป/ เครื่องจักรที่ใช้ในงานอุตสาหกรรม/ เครื่องมือช่าง อุปกรณ์คอมพิวเตอร์)
- ธุรกิจโฆษณา
- ธุรกิจบริการให้คำปรึกษาและแนะนำในการประกอบธุรกิจในด้านต่างๆ เช่น การวางแผนทางธุรกิจการให้คำปรึกษาทางการเงิน และการให้คำปรึกษาทางการตลาด
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (พวงมาลัยรถยนต์ / DRUM BRAKE ASSEMBLY)
4. จีน
มีจำนวนเข้ามาลงทุนทั้งสิ้น 29 ราย คิดเป็น 11% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติ เงินลงทุน 4,031 ล้านบาท โดยลงทุนในธุรกิจต่าง ๆ ประกอบด้วย
- ธุรกิจบริการที่ให้แก่บริษัทในเครือ หรือบริษัทในกลุ่ม (บริการให้เช่าพื้นที่อาคารโรงงาน)
- ธุรกิจบริการตัดโลหะ (Coil Center)
- ธุรกิจบริการพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อให้บริการดิจิทัล เช่น การรับฝาก การซื้อขาย และให้เช่าอสังหาริมทรัพย์
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (ชุดพัดลมระบายความร้อนสำหรับรถยนต์/ หลอดไฟแบบ LED/ ชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับอุตสาหกรรม)
- ธุรกิจบริการให้ใช้ช่วงสิทธิแฟรนไชส์ (Franchising) เพื่อประกอบธุรกิจการขายอาหารและเครื่องดื่ม
5. ฮ่องกง
มีจำนวนเข้ามาลงทุนทั้งสิ้น 17 ราย คิดเป็น 7% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 1,650 ล้านบาท โดยลงทุนในธุรกิจต่าง ๆ ประกอบด้วย
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า (เครื่องฉีดขึ้นรูป/ ฟิล์มไวแสง)
- ธุรกิจบริการศูนย์กระจายสินค้าระหว่างประเทศด้วยระบบที่ทันสมัย
- ธุรกิจบริการออกแบบทางวิศวกรรม ก่อสร้าง ติดตั้ง ทดสอบการใช้งานระบบ การซ่อมแซม บำรุงรักษาแผงโซล่าเซลล์และอุปกรณ์ต่างๆ เกี่ยวกับระบบผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์
- ธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า (อะไหล่และส่วนประกอบรถยนต์/ ชิ้นส่วนประกอบที่ทำจากอลูมิเนียม / แม่พิมพ์)
- ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ เป็นการจัดซื้อสินค้า วัตถุดิบ และชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อค้าส่งในประเทศ