นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ลงพื้นที่ไปตรวจสอบสถานการณ์ปาล์มน้ำมัน ที่ จ.พังงา กระบี่ และสุราษฎร์ธานี เพื่อติดตามดูว่าสาเหตุของราคาที่ปรับตัวลดลง เป็นเพราะสาเหตุอะไร และให้ตรวจสอบการรับซื้อของลานเท และโรงงานสกัดว่ามีการรับซื้อผลปาล์มดิบเป็นปกติหรือไม่ ซึ่งจะทำให้เห็นข้อเท็จจริงทั้งหมด และหากจำเป็นก็จะพิจารณามาตรการช่วยเหลือต่อไป
“สิ่งที่สำคัญต้องยอมรับช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาอากาศร้อนจัดทำให้ผลผลิตอาจจะสุกก่อนกำหนด ขณะนี้ให้ทางกรมการค้าภายในตรวจสอบ หากเกษตรกรได้รับผลกระทบก็คงต้องมีมาตรการเยียวยา ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอนกระบวนการคิดว่าจะช่วยเหลือเยียวยาอย่างไร” นายภูมิธรรม กล่าว
ด้าน นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม กล่าวว่า ปัจจุบันราคาผลปาล์ม อยู่ที่ 4.60 – 5 บาทต่อกิโลกรัม โดยสถานการณ์ปาล์มน้ำมันราคาตกเป็นผลมาจากในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ผลผลิตออกสู่ตลาดมากกว่าที่คาดการณ์มากกว่า 18% และผลผลิตอาจจะไม่ค่อยมีคุณภาพ จากสภาพอากาศที่ร้อนจัด ทำให้ผลปาล์มสุกแดด ไม่ได้สุกธรรมชาติ ทำให้ปริมาณเปอร์เซ็นต์น้ำมันน้อยลง ทำให้มีการรับซื้อตามเปอร์เซ็นต์น้ำมันที่ลดลง จึงส่งผลต่อราคาขายของเกษตรกร แต่คาดว่าจากนี้ไป สถานการณ์น่าจะดีขึ้น เพราะผลผลิตเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
ทั้งนี้ กรมได้กำชับไปยังผู้ประกอบการจุดรับซื้อผลปาล์มน้ำมัน (ลานเท) และโรงงานสกัด ให้รับซื้อผลปาล์มตามปกติ ห้ามกดราคา และห้ามชะลอการรับซื้อทำให้ผลปาล์มน้ำมันร่วงอย่างไม่เป็นธรรมชาติ หากฝ่าฝืนจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 พร้อมทั้งส่งชุดสายเฉพาะกิจลงพื้นที่หากพบเห็นสามารถแจ้งได้ทันที
ขณะเดียวก็อยากให้เกษตรกรตัดปาล์มที่แก่จัด เพื่อให้ได้ผลปาล์มที่มีคุณภาพ ได้เปอร์เซ็นต์น้ำมันที่สูงตามาตรฐาน ขายได้ราคาดี รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่ลงไปตรวจสอบการรับซื้อและความเที่ยงตรงของเครื่องชั่งของลานเทและโรงสกัดน้ำมันปาล์มด้วย เพื่อป้องกันการเอารัดเอาเปรียบเกษตรกร
สำหรับภาพรวมสถานการณ์ปาล์มน้ำมัน ในปี 2567 พบว่า มีปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันอยู่ที่ 18.12 ล้านตัน ลดลงจากปี 2566 ที่มีภาพมรวมผลผลิตปาล์มน้ำมัน 18.27 ล้านตัน ซึ่งปัจจุบันสต๊อกน้ำมันปาล์มอยู่ที่ 200,000 ตัน ขณะเดียวกันราคาน้ำมัน เฉลี่ยราคาอยู่ที่ 45 บาทต่อขวด อย่างไรก็ตามกรมฯ จะติดตามสถานกาณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป