ครม.เศรษฐกิจ ถกด่วน 6 มาตรการเร่งแก้ปัญหา “ราคาปาล์มตกต่ำ”

27 พ.ค. 2567 | 05:25 น.
อัปเดตล่าสุด :27 พ.ค. 2567 | 05:46 น.

จับตา นายกฯ “เศรษฐา ทวีสิน” ประชุม ครม.เศรษฐกิจ หารือ 6 มาตรการเร่งแก้ปัญหา “ราคาปาล์มตกต่ำ” เตรียมดันไบโอดีเซล จาก B7 เป็น B10 ผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ ใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงผลิตไฟฟ้า

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ หรือ ครม.เศรษฐกิจ ครั้งที่ 1/2567 ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน วันนี้ (27 พฤษภาคม 2567) ที่ประชุมเตรียมหารือถึงสถานการณ์ปาล์มน้ำมันราคาตกต่ำ พร้อมออกแนวทางช่วยเหลือเกษตรกร และผู้ที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด

ทั้งนี้ที่ประชุมเตรียมรับทราบสถานการณ์ราคาปาล์มน้ำมัน โดยล่าสุดปัจจัยที่ทำให้ราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำนั้น เบื้องต้นได้มีการรายงานสถานการณ์ว่า ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 นี้ ถือเป็นช่วงที่ปาล์มน้ำมันมีผลผลิตออกมามากที่สุดของปี ทำให้อุปทานในตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงส่งผลให้ราคาปาล์มน้ำมันลดลงอย่างต่อเนื่อง 

ขณะที่การส่งออกน้ำมันดิบ พบว่า เริ่มลดลง เนื่องจากการแข่งขันด้านราคายังเสียเปรียบเมื่อเทียบกับราคาของประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งมาเลเซีย และอินโดนีเซีย อีกทั้งยังมีการแข่งขันราคาจากน้ำมันพืชชนิดอื่น ๆ ในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น ทำให้การบริโภคน้ำมันปาล์มลดลง ส่งผลให้ความต้องการบริโภคลดลงตามไปด้วย

สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ ที่ประชุมครม.เศรษฐกิจ เตรียมหารือถึงแนวทางการแก้ไขด้วยกัน 6 ข้อ ประกอบไปด้วย 

1.กำหนดให้มีการซื้อขายตามราคาที่ประกาศจากสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กระทรวงพลังงาน โดยปัจจุบันผู้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิงมีการต่อรองราคาส่วนลดจากผู้ผลิตไบโอดีเซล ทำให้ราคาซื้อขายไม่เป็นไปตามราคาประกาศ และราคาประกาศวัตถุดิบจากกรมการค้าภายใน (DIT) ต้องประกาศให้ Real-Time ตามราคาซื้อขายจริงในตลาด

2.เพิ่มสัดส่วนการผสมไบโอดีเซล โดยผลักดันการใช้ไบโอดีเซลเพิ่มขึ้นจาก B7 เป็น B10 

3.ส่งเสริมและผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) และน้ำมันไบโอดีเซล (B100) เพิ่มขึ้น โดยใช้มาตราการการอุดหนุนการส่งออก และขยายตลาดเพิ่มขึ้นในฝั่งยุโรป

4.การเก็บสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบเพื่อรักษาสมดุลราคาและเสถียรภาพด้านพลังงานภายในประเทศโดยองค์การคลังสินค้า

5.ส่งเสริมและผลักดันการใช้น้ำมันปาล์มดิบในอุตสาหกรรมอื่น นอกเหนือจากอุตสาหกรรมอาหารและพลังงาน เช่น การนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในโรงผลิตไฟฟ้า

6.ป้องกันการนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านโดยผิดกฎหมายอย่างเคร่งครัด

สำหรับสถานการณ์ผลผลิตปาล์มน้ำมันในปี 2567 สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร และ กรมการค้าภายใน คาดว่า ผลผลิตรวมปี 2567 จะอยู่ที่ 18.12 ล้านตัน โดยประเมินว่า ในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน ผลผลิตปาล์มน้ำมันจพะออกมามากสุด โดยเดือนเมษายน จะมีผลผลิตออกมาสูงที่สุดถึง 1.77 ล้านตัน ราคาเฉลี่ย 5.35 บาทต่อกิโลกรัม 

จากนั้นในเดือนพฤษภาคม ผลผลิตจะออกมาลดลงเหลือ 1.69 ล้านตัน มี ราคาเฉลี่ยลดลงเหลือ 4.86 บาทต่อกิโลกรัม และในเดือนมิถุนายน มีผลผลิตออกมาใกล้เคียงกันคือ 1.65 ล้านตัน ซึ่งจะทำให้ราคาเฉลี่ยลดลงอีก เป้นผลมาจากปริมาณผลผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น