กรมการข้าว เปิดโมเดล “ปุ๋ยคนละครึ่ง” ใช้แบรนด์กลาง ตั้งราคาเดียวทั่วประเทศ

23 มิ.ย. 2567 | 06:04 น.

“ปุ๋ยและชีวภัณฑ์คนละครึ่ง” รัฐบาลเศรษฐาใกล้คลอด กรมการข้าว เปิดโมเดล ใช้แบรนด์กลาง ตั้งราคาอ้างอิงตามราคาหน้าโรงงานและราคาขายปลีกทั่วไป เป็นราคาเดียวทั้งประเทศในแต่ละสูตร “ศูนย์ข้าวชุมชน-แปลงใหญ่-วิสาหกิจ” ขอแบ่งเค้ก จากงบรัฐ 2.9 ล้าน ช่วยขนส่ง ถึงชาวนาเร็วขึ้น

ไทยเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกข้าวมีมูลค่ากว่าแสนล้านบาททุกปี มีเกษตรกรผู้ปลูกข้าวกว่า 4.68 ล้านครัวเรือน หรือประมาณ 16 ล้านคน ที่ต้องพึ่งพารายได้จากการทำนา (ข้าวนาปี ประมาณ 60 ล้านไร่ และข้าวนาปรังประมาณ 10 ล้านไร่) แต่มีผลผลิตค่อนข้างตํ่า เช่นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่เป็นพื้นที่ปลูกข้าวหอมมะลิ (พันธุ์ขาวดอกมะลิ 105 และ กข15) ได้ผลผลิตเฉลี่ยประมาณ 413 กิโลกรัมต่อไร่

 

ไทยเป็นประเทศผู้ผลิตและส่งออกข้าวมีมูลค่ากว่าแสนล้านบาทต่อปี

 

อีกทั้งในระหว่างการทำนาข้าว เกษตรกรต้องเผชิญกับปัญหาทั้งโรค และแมลงศัตรูพืช และวัชพืชทำให้ต้องใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชจำนวนมาก ส่งผลมีต้นทุนเพิ่มขึ้น กระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของข้าวไทยในตลาดโลกเริ่มลดลง จากเคยเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับ 1 ลดมาอยู่อันดับ 2-3 ของโลกในปัจจุบัน ล่าสุดรัฐบาลได้มีนโยบายในการช่วยเพิ่มผลผลิตและสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวของไทยแบบมีส่วนร่วม โดยสมทบค่าปุ๋ยและชีวภัณฑ์ ในลักษณะ “ปุ๋ยและชีวภัณฑ์คนละครึ่ง” ผ่านโครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในปีการผลิต 2567/68

 

นายอานนท์ นนทรี

 

นายอานนท์ นนทรี รองอธิบดีกรมการข้าว และในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดราคาปุ๋ยและชีวภาพของโครงการสนับสนุนปุ๋ยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในปีการผลิต 2567/68 เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในการดำเนินการ “ปุ๋ยและชีวภัณฑ์คนละครึ่ง” เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว 4.6 ล้านครัวเรือนลดต้นทุนการผลิตและสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการปลูกข้าวของเกษตรกรซึ่งเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญ ในอัตราไม่เกินไร่ละ 500 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ ซึ่งเกษตรกรจะต้องขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร

 

แบ่งเป็นเกษตรกรที่ปลูกข้าวทั่วไปประมาณ 4.48 ล้านครัวเรือน พื้นที่ 54 ล้านไร่ และเกษตรกรที่ปลูกข้าวอินทรีย์ประมาณ 2 แสนล้านครัวเรือน พื้นที่ 1.20 ล้านไร่ โดยปุ๋ยที่เข้าร่วมโครงการต้องเป็นเป็นปุ๋ยที่ได้รับการขึ้นทะเบียน หรือหนังสือสำคัญรับแจ้ง ถูกต้องตามพระราชบัญญัติปุ๋ยและชีวภัณฑ์ และต้องได้รับการขึ้นทะเบียนถูกต้องตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย

 

เปิดโมเดล "ปุ๋ย และชีวภัณฑ์คนละครึ่ง"

 

“ล่าสุดอยู่ระหว่างการเตรียมงานเพื่อรับสมัครและคัดเลือกผู้ประกอบกิจการปุ๋ยและชีวภัณฑ์ เข้าร่วมโครงการฯ โดยต้องเป็นผู้ผลิตปุ๋ยหรือผู้นำเข้าปุ๋ย ที่ได้รับใบอนุญาตผลิตปุ๋ยเคมีเพื่อการค้า หรือใบอนุญาตปุ๋ยอินทรีย์เพื่อการค้า หรือเป็นผู้นำเข้าปุ๋ยที่ได้รับใบอนุญาตนำเข้า อีกทั้งต้องได้รับหนังสือสำคัญรับแจ้งปุ๋ยเคมีมาตรฐานสำหรับใช้ในนาข้าวตามสูตรปุ๋ยที่โครงการกำหนด (กรมการข้าวเสนอปุ๋ย 13 สูตร, สมาคมชาวนาฯ เสนอเพิ่มในประชุม นบข. 3 สูตร ต้องรอผลที่ประชุม ครม.) หรือใบสำคัญการขึ้นทะเบียนปุ๋ยอินทรีย์ เช่นเดียวกับผู้ประกอบกิจการชีวภัณฑ์ต้องเป็นผู้ผลิตที่ได้รับใบอนุญาตและใบสำคัญการขึ้นทะเบียนวัตถุอันตราย พร้อมกับจัดส่งรายงานผลการวิเคราะห์ปุ๋ย ณ ห้องปฎิบัติการที่โครงการกำหนด”

ใช้แบรนด์กลางทุกสูตร ราคาเดียวทั้งประเทศ

 

 

ทั้งนี้ เมื่อได้ผู้ประกอบเข้าร่วมโครงการแล้วจะกำหนดราคาปุ๋ยเป็นของโครงการสนับสนุนลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว โดยใช้แบรนด์กลาง และจำหน่ายราคาเดียวกันในแต่ละสูตรไม่เกินราคาควบคุม เช่นเดียวกับชีวภัณฑ์

 

จารึก กมลอินทร์

 

ด้านนายจารึก กมลอินทร์ ประธานคณะกรรมการกลางศูนย์ข้าวชุมชนระดับประเทศ กล่าวว่า ในการส่งมอบปุ๋ยและชีวภัณฑ์ มูลค่ากว่า 2.9 หมื่นล้านบาท โดยสหกรณ์การเกษตรเป็นผู้ส่งมอบ เรื่องนี้อยากให้ทางองค์กรเกษตรอื่น ๆ อาทิ วิสาหกิจการเกษตร, แปลงใหญ่ และศูนย์ข้าวชุมชน เป็นต้น ได้เข้าร่วมโครงการด้วยเพื่อให้การจัดส่งถึงมือชาวนาได้เร็วขึ้น

 

(ร่าง) คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการกำหนดราคาปุ๋ยและชีวภาพของโครงการสนับสนุนปุ๋ยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ที่ผ่านที่ประชุม นบข.เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.67 

 

กรมการข้าว เปิดโมเดล “ปุ๋ยคนละครึ่ง”  ใช้แบรนด์กลาง ตั้งราคาเดียวทั่วประเทศ

 

หน้า 9 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 4,003 วันที่ 23-26 มิถุนายน พ.ศ. 2567