การประกาศลดราคาของรถยนต์ไฟฟ้าบีวายดี (BYD) ลงหลายรุ่นที่จำหน่ายในไทย 100,000-340,000 บาท สร้างความรู้สึกไม่เป็นธรรมกับผู้ที่ออกรถหรือซื้อรถไปแล้วก่อนหน้านี้เพียงข้ามเดือน นำสู่ความไม่พอใจ บางรายออกมาโพสต์ตัดพ้อ ขอเงินส่วนต่างคืน และร้องทุกข์กับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ให้ช่วยตรวจสอบ
ต่อเรื่องนี้แหล่งข่าวจากวงการอุตสาหกรรมรถยนต์ เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การลดราคาลงอย่างมากของรถยนต์ไฟฟ้า BYD รวมถึงอีกหลายแบรนด์ของจีนที่แข่งลดราคาลงหลักแสนบาทถึงหลายแสนบาทต่อคันในเวลานี้ ถือเป็นหน้าที่โดยตรงของคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ที่ต้องเข้าไปตรวจสอบโดยไม่ต้องรอมีใครมาร้องเรียน ว่าราคาขายรถยนต์ที่ลดลงอย่างมากดังกล่าว เป็นการลดบนต้นทุนที่แท้จริงหรือไม่ เพราะทราบว่าเป็นรถเก่าที่ค้างสต๊อก ไม่ใช่ล็อตที่ผลิตในต้นทุนที่ต่ำ ซึ่งควรตรวจสอบว่าเป็นการขายต่ำกว่าทุนหรือไม่ และเป็นการทำการค้าที่เป็นธรรมกับค่ายรถยนต์รายอื่น รวมถึงผู้บริโภคหรือไม่
อย่างไรก็ดีทราบว่าการที่ค่ายรถยนต์จากจีนสามารถลดราคาขายลงได้มาก เพื่อชิงตลาดในครั้งนี้ มีปัจจัยสำคัญจากรถยนต์จากจีนได้รับการอุดหนุนจากรัฐบาลจีนในเรื่องสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ รวมถึงจีนยังมีแร่ลิเธียมซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นชิ้นส่วนสำคัญของรถ EV ที่จีนได้ไปซื้อโรงงานแร่ในออสเตรเลีย ขณะที่จีนถือครองแหล่งแร่สำคัญทั่วโลกเวลานี้ 60-70% ทำให้รถยนต์ EV ของจีนผลิตได้ในต้นทุนที่ต่ำ และที่สำคัญจีนมีความตกลงการค้าเสรี (FTA) กับไทย โดยในสินค้ายานยนต์ภาษีนำเข้าระหว่างกันเป็น 0% ทำให้ยิ่งมีความได้เปรียบการแข่งขันในไทย
“เรื่องนี้ทางคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าควรเร่งเข้าไปตรวจสอบข้อมูลว่า ค่ายรถยนต์ดังกล่าวทำการค้าเป็นธรรมหรือไม่ เพราะเท่าที่ทราบเวลานี้ทางคณะกรรมการฯยังไม่ทำอะไรเลย ทั้งที่เป็นประเด็นสำคัญในเรื่องการแข่งขันทางการค้า ที่รัฐบาลชุดปัจจุบันมีนโยบายสนับสนุนการแข่งขัน ซึ่งเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ แต่ในกฎหมายรองไม่มีการพูดถึงเรื่องนี้เลย ขณะที่โดยสามัญสำนึกของคนทั่วไปที่ไปซื้อรถยนต์เมื่อเดือนที่แล้วมาในราคาสูง แต่ตอนนี้รถรุ่นที่ซื้อลดราคาลงมา 3-4 แสนบาท มองยังไงก็ไม่เป็นธรรมสำหรับเขา”
นอกจากนี้คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าต้องเร่งเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่าเป็นการทำการค้าที่ไม่เป็นธรรม และเป็นการทำลายการแข่งขันในตลาดหรือไม่ และควรไปออกมาร์เก็ต ไกด์ไลน์ (Market Guideline) โดยมีฐานข้อมูลทางวิชาการรองรับ เพื่อกำหนดกฎกติสำหรับค่ายรถยนต์ว่า อะไรทำได้-ไม่ได้ และเชิญค่ายรถยนต์ดังกล่าวมาให้ข้อมูลว่าเหตุใดถึงลดราคารถลงได้มาก ทั้งนี้เพื่อคุ้มครองการแข่งขันให้เกิดความเป็นธรรม ขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์ที่ดูแลเรื่องการเจรจาและจัดทำเอฟทีเอกับต่างประเทศ ต้องเจรจากับจีนเพื่อทบทวนในรายละเอียดของความตกลง เพื่อปิดช่องโหว่ในเรื่องต่าง ๆ เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับค่ายรถยนต์จากประเทศอื่น ๆ ที่มาลงทุนในไทยด้วย
“เวลานี้รถยนต์ EV ถูกสหรัฐขึ้นภาษีนำเข้าจาก 25% เป็น 100% รวมถึงหลายประเทศในยุโรปก็ขึ้นภาษีรถอีวีจีน ทำให้รถยนต์จากจีนขายยากขึ้นในสหรัฐและยุโรป ส่งผลมีรถยนต์เหลือในสต๊อกเพิ่มขึ้น ต้องส่งมาขายในอาเซียนที่รวมถึงไทยในราคาที่ลดลงเพื่อสร้างฐานการตลาดเพิ่ม อาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่เขาลดราคาขายในครั้งนี้” แหล่งข่าว ระบุ