“นฤมล“นำทีมไทยแลนด์ถกรมว.เพาะปลูกมาเลเซียดันการลงทุนอุตสาหกรรมยางพารา

11 ก.ค. 2567 | 04:33 น.
อัปเดตล่าสุด :11 ก.ค. 2567 | 04:45 น.

“นฤมล“นำทีมไทยแลนด์ พบ รมว.เพาะปลูกมาเลเซีย ขับเคลื่อนการค้าการลงทุนอุตสาหกรรมยางพารา เผยไทย-มาเลเซีย เตรียมลงนาม MOU เดินหน้าสร้างความเข้มแข็งผู้นำด้านยางพาราของโลก

วันนี้ (11 ก.ค.67)  ณ ที่ทำการ MRB กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ผู้แทนการค้าไทย หารือกับ ดาโต๊ะ เสรี โจฮารี อับดุลกานี่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเพาะปลูกและสินค้าโภคภัณฑ์มาเลเซีย คณะผู้บริหารจาก Ministry of Plantation Industries and Commodities และคณะผู้บริหาร Malaysian Rubber Board 

โดยมีทีมไทยเลนด์ ประกอบด้วย น.ส.ลดา ภู่มาศ เอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย ณ กรุงกัวลาลัมเปรอ์ ดร. เพิก เลิศวังพง ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศไทย นายโกศล บุญคง รองผู้ว่าการด้านบริหารการยางแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมเจรจาด้านการค้าการลงทุนในอุตสาหกรรมยางพารา
โดยเตรียมพร้อมเดินหน้าลงนามความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยางพารา และสร้างความเข้มแข็งในฐานะผู้นำด้านการผลิตและการส่งออกด้านยางพาราของโลก

ผู้แทนการค้าไทย  กล่าวว่า ด้วยนโยบายของนายกรัฐมนตรีระหว่างประเทศไทย และประเทศมาเลเซีย ที่ต้องการจะพัฒนาอุตสาหกรรมยางพาราของทั้งสองประเทศให้มีประสิทธิภาพ และมีมูลค่าเพิ่มอย่างเป็นรูปธรรม

                 “นฤมล“นำทีมไทยแลนด์ถกรมว.เพาะปลูกมาเลเซียดันการลงทุนอุตสาหกรรมยางพารา

ในฐานะตัวแทนรัฐบาลไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับความร่วมมือระหว่างประเทศ และการสร้างความสัมพันธ์อันดี เพื่อพัฒนาการค้ายางและความร่วมมือทางเศรษฐกิจด้านยางพาราของประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย ให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน 

ปัจจุบันทั้งสองประเทศมีผลิตภัณฑ์ที่จะต้องบังคับใช้ภายใต้กฎระเบียบ EUDR  ทั้งสองประเทศควรจะให้ความร่วมมือทางข้อมูลและขั้นตอนในการตรวจสอบย้อนกลับตามกฎระเบียบดังกล่าว เพื่อให้ภาคเอกชน หรือ ผู้ประกอบการที่มีการนำเข้าผลิตภัณฑ์ สู่สหภาพยุโรปมีความมั่นใจจากสินค้าที่มาจากแหล่งที่มาของทั้งสองประเทศ

“ฝ่ายไทยในฐานะผู้นำด้านการผลิต หรือ ด้านต้นน้ำของโลก มีความยินดีในการให้การสนับสนุน เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมถุงมือยางของมาเลเซีย ให้มีความยั่งยืนในฐานะผู้นำการส่งออกของโลก และทั้งสองประเทศ จะเป็นผู้นำด้านการพัฒนายางพาราของอาเซียน เพื่อแสดงบทบาทในการเจรจาต่อรองกับตลาดโลกได้” ผู้แทนการค้าไทย ย้ำ

ด้าน ดร.เพิก เลิศวังพง ประธานกรรมการการยางแห่งประเทศ กล่าวว่า ปัจจุบันผลผลิตน้ำยางสดในประเทศไทย มีแนวโน้มลดลง เพราะมีการเปลี่ยนไปผลิตเป็นยางก้อนถ้วยเพิ่มมากขึ้น ตามความต้องการของตลาด 

                       “นฤมล“นำทีมไทยแลนด์ถกรมว.เพาะปลูกมาเลเซียดันการลงทุนอุตสาหกรรมยางพารา

ดังนั้น ในฐานะที่ประเทศมาเลเซียมีเทคโนโลยีในการผลิตถุงมือ และประเทศไทยก็เป็นแหล่งผลิตน้ำยางที่สำคัญ หากทั้งสองประเทศร่วมมือกัน จะส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทาน ทำให้อุตสาหกรรมยางพารา มีความเข้มแข็งและมั่นคง ตลอดจนเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อยจะมีชีวิตความเป็นที่ดีขึ้น 

นอกจากนี้ ฝ่ายไทย ได้เสนอนโยบายของรัฐบาลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ “โครงการโฉนดต้นยาง” เพื่อแก้ปัญหาการตรวจสอบย้อนกลับของพื้นที่ปลูก และการขาดแคลนแรงงาน ซึ่งทางมาเลเซีย มีความสนใจและมีความประสงค์ในการแลกเปลี่ยนแนวทางดังกล่าว เพื่อแก้ปัญหาห่วงโซ่อุปทานยางพาราในระยะยาว 
 
“การพบปะหารือเพื่อเจรจาระหว่างผู้แทนไทยและมาเลเซีย ในครั้งนี้ มีความสำเร็จอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนความร่วมมือด้านยางพารา ซึ่งเป็นสินค้าเกษตรที่สำคัญของสองประเทศ ในการยกระดับเศรษฐกิจ สังคม และ สิ่งแวดล้อม ให้มีความยั่งยืน โดยจะมีการลงนามความร่วมมือการค้าการลงทุนอุตสาหกรรมยางพาราอย่างเป็นรูปธรรมในเร็วๆ นี้”  
นอกจากความร่วมมือด้านยางพาราแล้ว ในด้านการค้าปี 2566 มาเลเซียเป็นประเทศคู่ค้าอันดับที่ 4 ของไทย มูลค่ารวม 25,118 ล้านดอลลาร์สหรัฐ การค้าชายแดนไทย-มาเลเซีย มีมูลค่าสูงที่สุดของการค้าชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านทุกประเทศ คิดเป็นประมาณร้อยละ 31 ของการค้าชายแดนทั้งหมด 

โดยไทยและมาเลเซียตั้งเป้าหมายการค้าที่ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2568 ส่วนด้านการท่องเที่ยว  ในปี 2566 นักท่องเที่ยวมาเลเซียเดินทางมาท่องเที่ยวที่ไทยทั้งสิ้น 4,563,020 คน นับเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่มาท่องเที่ยวไทยมากที่สุด