เปิดจุดอ่อน-จุดแข็ง “แฮร์ริส” กับโอกาสชนะทรัมป์ ผงาดผู้นำสหรัฐคนใหม่

28 ก.ค. 2567 | 01:23 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ก.ย. 2567 | 04:22 น.

การประกาศถอนตัวของโจ ไบเดน ไม่ลงชิงชัยประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา มหาอำนาจเบอร์ 1 โลก แข่งกับโดนัลด์ ทรัมป์ และประกาศสนับสนุนนางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีลงชิงตำแหน่งแทน จากมีปัญหาด้านสุขภาพ

นอกจากนี้ไบเดนยังเผชิญกับแรงกดดันจากผู้ใหญ่ในพรรคและนายทุนของพรรคเดโมแครต ไม่ให้ลงชิงชัย จากผลโพลของหลายสำนัก ไบเดนมีคะแนนตามหลังทรัมป์หลายจุด ซึ่งหลังเปลี่ยนตัว สนับสนุนแฮร์ริสลงชิงตำแหน่งแทนปรากฏผลโพลสำรวจคะแนนนิยมของแฮร์ริสสูสีกับทรัมป์ และดีกว่าไบเดน

รองศาสตราจารย์ ดร.อัทธ์  พิศาลวานิช ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศ เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า นางคามาลา แฮร์ริส ถือเป็นเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด หรือ Top Choice ในขณะนี้ ที่พอจะสู้กับทรัมป์ได้ เพราะเป็นรองประธานาธิบดีคนปัจจุบันและทำงานใกล้ชิดกับไบเดนมาตลอด สามารถนำความต่อเนื่องของนโยบายไปหาเสียงได้ ซึ่งแม้ในภาพรวมคะแนนนิยมของแฮร์ริสยังตามหลังทรัมป์อยู่เล็กน้อยในขณะนี้(ในบางมลรัฐคะแนนนิยมของแฮร์ริสดีกว่าทรัมป์) แต่หลังการประกาศสนับสนุนแฮร์ริสให้เป็นตัวแทนพรรคของไบเดน ทำให้ได้รับการสนับสนุนจากพรรค และนายทุนพรรคทันที

ต่อคำถามที่ว่า นางแฮร์ริสมีจุดเด่น-จุดด้อย อย่างไร พอจะสู้โดนัลด์ ทรัมป์ได้หรือไม่นั้น ในส่วนของจุดแข็งของแฮร์ริส คือ พูดเก่ง ชัดเจน ฉะฉาน ตรงนี้ดีกว่าไบเดน และยังมีประสบการณ์ระดับรองประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐฯ และประสบการณ์ทางการเมืองเคยเป็นสว.รัฐแคลิฟอร์เนีย มีความรู้ด้านกฎหมายเคยเป็นอัยการรัฐแคลิฟอร์เนีย  สามารถนำประเด็นทางกฎหมายมาหาเสียงภายใต้ ทรัมป์ถูกฟ้องในศาล 4 คดี  และด้วยการเป็นผู้หญิง คาดแฮร์ริสจะได้รับคะแนนเสียงจากผู้หญิง คนผิวสี และคนเอเชีย และคนที่สนับสนุนสิทธิในการทำแท้ง

ส่วนจุดอ่อนของแฮร์ริส คือ 4 ปีที่ผ่านมาในรัฐบาลไม่มีผลงานชัดเจน คนอเมริกันมองว่า ไม่ได้ทำอะไร เป็นชิ้นเป็นอัน ในโซเชียลมีเดีย คนสหรัฐฯ เอามาล้อเลียน เรื่อง การหัวเราะเสียงดังขณะที่แฮร์ริสได้รับมอบหมายให้แก้ปัญหาชายแดนสหรัฐฯ – เม็กซิโก แต่ล้มเหลวเพราะคนเม็กซิโกยังเข้ามาในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น

เปิดจุดอ่อน-จุดแข็ง “แฮร์ริส” กับโอกาสชนะทรัมป์ ผงาดผู้นำสหรัฐคนใหม่

อย่างไรก็ดี รัฐบาลสหรัฐ ภายใต้การนำของโจ ไบเดน ช่วงเกือบ 4 ปีที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับสมัยรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ก่อนหน้า อัตราขยายตัวเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยรวมของไบเดน สูงกว่าทรัมป์ ยกเว้น อัตราดอกเบี้ยที่สูงและเงินเฟ้อเกินกว่าทรัมป์ และมูลค่าการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ของทรัมป์มีการซื้อขายมากกว่าไบเดน อย่างไรก็ตามทรัมป์โชคไม่ดี มาเจอโควิดในช่วงปีสุดท้ายของการทำงาน

ส่วนผลงานด้อยของรัฐบาลไบเดนคือ การใช้เงินสนับสนุนสงครามในยูเครนและอิสราเอลมากเกินไป  และการเอนเอียงไปอิสราเอลมาก ไม่สนใจเสียงคันค้าน จนไม่คำนึงการเสียชีวิตคนปาเลสไตน์ จนเกิดกระแสการไม่ซื้อสินค้าของสหรัฐฯ ในประเทศมุสลิม ปัญหาคนเข้ามาในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นปีละหลายล้านคน

รองศาสตราจารย์ ดร.อัทธ์  พิศาลวานิช ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศ

“หากแฮร์ริสชนะการเลือกตั้ง มองว่านโยบายยังเหมือนเดิม เหมือนกับไบเดน ความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ยังมีเหมือนเดิม ราคาน้ำมันสูง ค่าเงินบาทไทยอ่อน ราคาทองคำสูงขึ้น ไทยและอาเซียนได้รับความสนใจมากขึ้น ผ่านทางกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก การส่งออกไทย ทรง ๆ อยู่เหมือนปัจจุบัน ต้นทุนการผลิตสูงเหมือนเดิม เพราะไทยถูกบังคับให้เลือกข้าง ในการซื้อน้ำมัน”

รองศาสตราจารย์ ดร.อัทธ์ ยังมองอีกว่า หากแฮร์ริสจะชนะทรัมป์ได้ ต้องสู้ในประเด็น 1.ทรัมป์ทำผิดกฎหมาย มีคดีอยู่ในศาล 2.ทรัมป์เป็นนักธุรกิจ ไม่ได้ทำเพื่อคนอเมริกา แต่ทำเพื่อธุรกิจตัวเอง และนักธุรกิจที่สนับสนุนทรัมป์ เช่น Elon Musk  3.สงครามและความขัดแย้งจะหนักขึ้น เพราะทรัมป์ ไม่สนับสนุนและลดเงินช่วยเหลือยูเครน แต่จะคุยกับรัสเซียแทน ทรัมป์สนับสนุนอิสราเอลมากกว่าไบเดน และ 4.ความเสี่ยงคาบสมุทรเกาหลีและทะเลจีนใต้ เพราะทรัมป์ยกเลิกสิ่งที่ไบเดนทำ เช่น AUKUS, QUAD เป็นต้น

อย่างไรก็ดี กรณีหากในที่สุดแล้วโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันชนะแฮร์ริสได้กลับมาเป็นประธานาธิบดี สิ่งที่คาดจะเกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อไทยและต่อโลก ได้แก่ 1.สงครามเทคโนโลยีระหว่างจีนกับสหรัฐฯ และการเก็บภาษีสินค้าจีนเข้าสหรัฐเพิ่มขึ้น ส่งผลทำให้เกิดการแยกส่วนของห่วงโซ่การผลิตอุตสาหกรรมโลก (Decoupling) จะกระทบต่อสินค้าส่งออกและอุตสาหกรรมไทย

2.ราคาพลังงานยังอยู่ในระดับสูง เพราะสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ ถูกทำให้ดำรงอยู่ต่อไป กระทบต้นทุนการผลิตของไทย และราคาสินค้าภายใต้ประเทศ

ทั้งนี้มีข้อแนะนำภาครัฐ และภาคเอกชนไทยต่อการเลือกตั้งในสหรัฐในครั้งนี้ เรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ และต้องติดตามคือ 1.กระจายห่วงโซ่อุตสาหกรรมไปในหลากหลายประเทศ 2.เตรียมพร้อมสำหรับการถูกตรวจสอบสินค้าไทยที่ส่งไปสหรัฐฯ ทั้งภาษีและมิใช่ภาษี  3.ระวังถูกตรวจสอบสินค้าจีนที่ผลิตในไทย ส่งไปสหรัฐฯ ว่า เป็นการเลี่ยงภาษี