จุดยืนของ “กมลา แฮร์ริส” จากฉนวนกาซา รัสเซีย ถึงจีน

25 ก.ค. 2567 | 05:14 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ก.ย. 2567 | 04:47 น.

คาดว่าผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ "กมลา แฮร์ริส" จะยังคงแนวนโยบายที่สอดคล้องกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในประเด็นต่างประเทศที่เกี่ยวกับ จีน สงครามรัสเซีย-ยูเครน ฉนวนกาซา และอินเดีย

วาทะปิดฉากการเเข่งขันเป็นผู้นำในนามพรรคเดโมเเครตอีกสมัยของ โจ ไบเดน ในวัย 81 ปี หลังเผชิญมรสุมทางการเมืองตั้งเเต่บนเวทีดีเบตกับ โดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เเละตามมาด้วยพลังของรีพับพลิกันที่ถูกปลุกขึ้นจากเหตุการณ์ลอบยิงทรัมป์ จนได้รับบาดเจ็บที่หู 

ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ กล่าวปราศรัยต่อประชาชนเกี่ยวกับการตัดสินใจยุติการลงสมัครรับเลือกตั้งอีกครั้งในกรุงวอชิงตัน เครดิตภาพ : reuters

ในวันเดียวกัน "กมลา แฮร์ริส"สามารถรวบรวมเสียงสนับสนุนพอที่จะเป็นผู้ลงแข่งเป็นผู้นำสหรัฐฯในนามพรรคเดโมเเครต ได้ลงหาเสียงในนครอินเดียนาโพลิส รัฐอินเดียนา ส่วน โดนัลด์ ทรัมป์จากพรรครีพับลิกัน ลงพื้นที่ในรัฐนอร์ธแคโรไลนา ที่เมืองเเชร์ลอตต์

การสนับสนุน กมลา แฮร์ริส  อย่างท่วมท้น 

หลังจากรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กมลา แฮร์ริส ได้ยืนยันสถานะผู้นำในการแข่งขันเพื่อสืบทอดตำแหน่งจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ในฐานะผู้ได้รับการเสนอชื่อจากพรรคเดโมแครตสำหรับการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพฤศจิกายน เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยได้รับการสนับสนุนอย่างท่วมท้นจากผู้ว่าการรัฐ เจ้าหน้าที่ที่ได้รับการเลือกตั้ง และผู้นำระดับรัฐ

กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ และผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต เดินทางไปอินเดียนาโพลิส

การสนับสนุนที่สำคัญที่สุดในบรรดาเหล่านั้นคือ การสนับสนุนอย่างเต็มที่จากไบเดนต่อการลงสมัครของเเฮร์ริส ซึ่งเขาได้แสดงออกอย่างชัดเจนทันทีที่โจ ไบเดนประกาศถอนตัวเมื่อวันอาทิตย์ว่าจะไม่ขอรับการเสนอชื่อจากพรรคอีกต่อไป หลังจากได้รับแรงกดดันให้ถอนตัวมาเป็นเวลาหลายสัปดาห์ แฮร์ริสยังคงต้องชนะการเสนอชื่ออย่างเป็นทางการ ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นในการประชุมใหญ่ของพรรคเดโมแครตในเดือนสิงหาคม และตอนนี้ยังไม่มีผู้ท้าชิงที่อาจเป็นคู่แข่งทั้งหมดถอนตัว 

แฮร์ริสวัย 59 ปี อาจกำลังอยู่ในเส้นทางที่จะกลายเป็นผู้หญิงผิวสีคนแรกที่นำทีมผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรคการเมืองหลัก ซึ่งทำให้จุดยืนของเธอในประเด็นสำคัญระดับโลกตกอยู่ภายใต้การตรวจสอบอย่างละเอียด 

คำถามก็คือ จุดยืนของแฮร์ริสในประเด็นนโยบายต่างประเทศที่สำคัญและต่อประเทศต่างๆ เป็นอย่างไรบ้าง ? 

 

 

จุดยืนของแฮร์ริสในประเด็นนโยบายต่างประเทศ

นักวิเคราะห์คาดว่า หากแฮร์ริสได้รับเลือกตั้ง เธอจะดำเนินแนวทางของไบเดนต่อสงครามในกาซาเป็นส่วนใหญ่ โดยเธอได้แสดงคำมั่นสนับสนุนความมั่นคงและการป้องกันตนเองของอิสราเอลซ้ำๆ ขณะเดียวกันก็แสดงความเห็นอกเห็นใจต่อพลเรือนชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา

แฮร์ริสได้ปกป้องสิทธิในการป้องกันตนเองของอิสราเอล ในเดือนธันวาคมปีที่เเล้ว เธอกล่าวระหว่างการแถลงข่าวว่า อิสราเอลมีสิทธิในการป้องกันตนเอง และเราจะยืนหยัดในความเชื่อมั่นนั้นอย่างแน่วแน่และเราสนับสนุนวัตถุประสงค์ทางทหารที่ชอบธรรมของอิสราเอลในการกำจัดภัยคุกคามจากฮามาส  เเละเธอยังกล่าวว่า ในขณะที่อิสราเอลดำเนินการตามวัตถุประสงค์ทางทหารในฉนวนกาซา เชื่อว่าอิสราเอลต้องทำมากกว่านี้เพื่อปกป้องพลเรือนผู้บริสุทธิ์

เมื่อวันที่ 4 มีนาคม แฮร์ริสเรียกร้องให้มีการหยุดยิงในฉนวนกาซาทันที โดยเพิ่มเติมว่าอิสราเอลจำเป็นต้องปรับปรุงการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในพื้นที่ปิดล้อมนี้ ข้อความนี้แสดงให้เห็นถึงความพยายามของแฮร์ริสในการรักษาสมดุลระหว่างการสนับสนุนอิสราเอลและการแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ด้านมนุษยธรรม 

เมื่อวันที่ 14 เมษายน แฮร์ริสได้โพสต์ข้อความบนแพลตฟอร์ม X หนึ่งวันหลังจากการโจมตีของอิหร่านต่ออิสราเอล โดยกล่าวว่า การสนับสนุนของสหรัฐฯ ต่อความมั่นคงของอิสราเอลนั้นแน่วแน่ไม่สั่นคลอน

 

 

ข้อความนี้แสดงให้เห็นถึงจุดยืนที่ชัดเจนของแฮร์ริสในการสนับสนุนอิสราเอล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่มีความตึงเครียดสูงในภูมิภาค การใช้คำว่า "ironclad" ซึ่งหมายถึงแน่วแน่ไม่สั่นคลอน เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นอย่างแข็งแกร่งของสหรัฐในการสนับสนุนอิสราเอล

สงครามรัสเซีย-ยูเครน

สอดคล้องกับจุดยืนของไบเดน กมลา แฮร์ริส สนับสนุนความพยายามในการป้องกันตนเองของยูเครนต่อรัสเซียอย่างเต็มที่ ในเดือนมิถุนายน เธอได้พบกับประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกีของยูเครน ที่การประชุมสุดยอดว่าด้วยสันติภาพในยูเครนที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

"การรุกรานของรัสเซียไม่เพียงแต่เป็นการโจมตีชีวิตและเสรีภาพของประชาชนยูเครนเท่านั้น แต่ยังเป็นการโจมตีความมั่นคงทางอาหารและแหล่งพลังงานของโลกด้วย" เธอกล่าวในที่ประชุมเต็มคณะเปิดการประชุมสุดยอด

ในการประชุมสุดยอดครั้งนี้ แฮร์ริสยังได้ประกาศว่าสหรัฐฯ จะจัดสรรเงิน 1.5 พันล้านดอลลาร์ผ่านองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) และกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับภาคพลังงานของยูเครน ขณะที่การประชุมความมั่นคงมิวนิกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ แฮร์ริสได้ประณามสงครามของรัสเซียต่อยูเครนและให้คำมั่นว่าสหรัฐฯ จะเคารพข้อ 5 ของนาโต้ เป็นหัวใจของพันธมิตร

แฮร์ริสมีจุดยืนอย่างไรต่อจีน

คาดว่าแฮร์ริสจะยังคงแนวนโยบายที่สอดคล้องกับไบเดน โดยมุ่งเน้นการสกัดกั้นอิทธิพลของจีน โดยเฉพาะในเอเชีย

เดือนกันยายน เธอได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างการประชุมได้กล่าวหาจีนว่า กำลังอ้างสิทธิ์เหนือดินแดนในทะเลจีนใต้ที่มีข้อพิพาทต่อประเทศเพื่อนบ้านที่เล็กกว่า นอกจากนี้ ไบเดนยังได้มอบหมายให้แฮร์ริสเดินทางไปเยือนญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นพันธมิตรสำคัญในภูมิภาค

การโต้วาทีระหว่างผู้สมัครรองประธานาธิบดีในปี 2020 เธอได้วิพากษ์วิจารณ์อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน โดยกล่าวหาว่าพรรครีพับลิกันแพ้สงครามการค้ากับจีนและส่งผลให้สูญเสียงานหลายแสนตำแหน่ง  แม้ว่านักวิเคราะห์บางคนจะกล่าวว่า การสูญเสียงานนั้นเป็นผลมาจากโควิด-19 ไม่ใช่นโยบายของทรัมป์ก็ตาม ทั้งนี้ ภาษีนำเข้าเหล่านี้ส่วนใหญ่ยังคงมีผลบังคับใช้ในช่วงการบริหารงานของไบเดน

แฮร์ริสยังได้สนับสนุนไต้หวัน และคาดว่าจะยังคงทำเช่นนี้ต่อไป หากเธอได้เป็นประธานาธิบดี ในเดือนกันยายน 2022 เธอได้ให้คำมั่นว่าจะยังคงสนับสนุนการป้องกันตนเองของไต้หวัน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายระยะยาวของสหรัฐ

จุดยืนของ กมลา เเฮร์ริส ต่ออินเดีย

ในปี 2019 นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดียได้ยกเลิกมาตรา 370 ซึ่งยุติสถานะกึ่งปกครองตนเองของแคชเมียร์ที่อยู่ภายใต้การปกครองของอินเดีย แฮร์ริสได้ตำหนิการกระทำนี้ โดยกล่าวว่าต้องเตือนชาวแคชเมียร์ว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ตามลำพังในโลกนี้ ในขณะนั้นเธอเป็นวุฒิสมาชิกจากรัฐแคลิฟอร์เนีย และเป็นผู้ที่มีศักยภาพในการลงสมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตสำหรับการเลือกตั้งปี 2020

อย่างไรก็ตาม เมื่อไบเดนเข้ารับตำแหน่ง แนวทางของแฮร์ริสต่ออินเดียก็มีการเปลี่ยนแปลง ในปี 2564 เธอได้มีการพบปะกับโมดีอย่างเปิดเผยและชื่นชมบทบาทของอินเดียในการผลิตวัคซีนโควิด-19

นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ของอินเดีย

สหรัฐฯ และอินเดียมีความกังวลร่วมกันเกี่ยวกับจีน ทำให้อินเดียเป็นพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์สำหรับสหรัฐฯ ในเอเชีย ไบเดนได้สร้างข้อตกลงด้านการป้องกันประเทศและเทคโนโลยีหลายฉบับกับโมดีในช่วงที่ดำรงตำแหน่ง

ในปี 2022 แฮร์ริสได้เป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงอาหารกลางวันระดับรัฐให้กับโมดี ซึ่งได้ขอบคุณนายกรัฐมนตรีอินเดียสำหรับ บทบาทความเป็นผู้นำในการช่วยให้อินเดียก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจระดับโลกในศตวรรษที่ 21 และยกย่องความเป็นผู้นำของเขาในการประชุมสุดยอดกลุ่ม G20 เมื่อปีที่แล้ว