ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 47 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 ทั่วโลกจับตามองโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนจากพรรครีพับลิกัน หรือนางคามาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต ที่ได้รับการสนับสนุนจากโจ ไบเดน ผู้ใหญ่ในพรรค และนายทุนพรรคให้รับไม้ต่อในการลงชิงชัยกับโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐในครั้งนี้ถือมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ภูมิรัฐศาสตร์ และในประเด็นอื่น ๆ ของโลก จากสหรัฐเป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจอันดับ 1 โลก
นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ภาคเอกชน และผู้ที่ทำการค้า กับต่างประเทศได้ติดตามใกล้ชิดศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในครั้งนี้ เฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงของโลกที่จะเกิดขึ้นจากผลของนโยบายของทั้งสองพรรคใหญ่ของสหรัฐ และจะส่งผลต่อการปรับตัวของทั่วโลกให้สอดคล้องกัน
ในส่วนของนางคามาลา แฮร์ริส หากชนะการเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ คาดจะคงใช้นโยบายเดียวกับไบเดน คงไม่ได้มาเปลี่ยนแปลงอะไรแบบกะทันหันทันที ขณะที่หากโดนัลด์ ทรัมป์ชนะเลือกตั้งได้กลับมาเป็นประธานาธิบดี จะมีผลกระทบมากกว่า เพราะหากย้อนไปช่วง 4 ปีที่ทรัมป์เป็นประธานาธิบดี (2560-2563) โดยยึดหลักอเมริกาต้องมาก่อน (America First) ด้านเศรษฐกิจมุ่งเน้นการสนับสนุนให้เกิดการผลิตสินค้าในประเทศแบบแข่งขันได้ และช่วยลดหย่อนภาษี
ขณะที่มีการกีดกันสินค้าจากต่างประเทศ เฉพาะอย่างยิ่งสินค้าจากจีนที่ทรัมป์ได้ประกาศสงครามการค้า และมีการเก็บภาษีสินค้าจีนเพิ่มในอัตราสูงหลายพันรายการ รวมถึงปฏิเสธเรื่องการลดโลกร้อน โดยสหรัฐในสมัยทรัมป์ได้ถอนตัวจากความตกลงปารีส (ก่อนเข้าร่วมอีกครั้งในสมัยโจ ไบเดน)
“สิ่งที่น่ากังวลหากทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดี สงครามการค้ากับจีนอาจรุนแรงขึ้น ซึ่งในช่วงเปลี่ยนผ่านการปรับขึ้นภาษีที่ไม่ได้ปรับขึ้นแบบทันทีทันใด สิ่งที่เคยเกิดขึ้นแล้วคือ สินค้าจีนได้ทะลักเข้าไปยังสหรัฐในช่วงก่อนปรับขึ้นภาษีเยอะมากขึ้น เกิดการแย่งตู้คอนเทนเนอร์จากประเทศอื่นเพื่อให้จีนส่งออกได้มาก ๆ ทำให้ประเทศอื่นได้รับผลกระทบหาตู้ไม่ได้ ค่าระวางเรือก็จะแพงมาก ๆ
ล่าสุดไบเดนประกาศขึ้นภาษีสินค้าจีนรอบใหม่เมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้จีนพยายามเร่งการส่งออกไปสหรัฐ โดยดึงตู้คอนเทนเนอร์ เรือบรรทุกสินค้าไปที่จีนให้มากที่สุด ส่งผลกระทบประเทศในอาเซียนทั้งหมดเพราะต้องมาแย่งตู้กัน และส่งผลให้ค่าระวางเรือแพงขึ้นมาก ลูกค้าปลายทางชะลอการรับมอบสินค้า เพราะไม่พร้อมที่จะจ่ายค่าระวางเรือแพง”
ขณะเดียวกันสิ่งที่ยังคาดเดาไม่ได้ และยังต้องติดตามคือ นโยบายหรือประเด็นที่ผู้นำสหรัฐคนใหม่อาจเปลี่ยนแบบกะทันหัน และสั่งการแบบทันทีทันใด ทำให้เป็นอะไรที่ตั้งตัวไม่ติด และต้องเตรียมความพร้อมรับมือ