ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ "กมลา แฮร์ริส" มาหนุนหุ้นบิ๊กเทคฟื้น

24 ก.ค. 2567 | 00:00 น.

กูรูมองการมาของ "กมลา แฮร์ริส" เป็นสัญญาณดี หุ้น Big Tech ที่ถูกกดดันจากคะแนนนิยม "โดนัลด์ ทรัมป์" ที่เพิ่มสูง เริ่มผ่อนคลายและปรับตัวดีขึ้น ขณะที่การถอยออกของ "โจ ไบเดน" เป็นเรื่องสมควร

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ นักกลยุทธ์การลงทุน กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากประเด็นการประกาศถอนตัวจากการลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาของ "โจ ไบเดน" มองว่าเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว เพราะด้วยวัย 81 ปี อาจไม่มีศักยภาพทั้งในด้านในการปฎิบัติหน้าที่และการตัดสินใจ

ซึ่งจากการขึ้นเวทีดีเบตระหว่าง "โจ ไบเดน" และ โดนัลด์ ทรัมป์ ในช่วงที่ผ่านมา ไบเดนเองก็แพ้ราบคาบ อีกทั้งยังโชว์เอ๋อ การพูดก็เป็นไปแบบตะกุกตะกัก เหมือนความคิดไม่ค่อยสมบูรณ์พร้อม และยังเคยปล่อยไก่ตัวเบ้อเร่อพูดชื่อผิด เรียกประธานาธิบดี “โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี” ของยูเครน เป็นประธานาธิบดี “วลาดิเมียร์ ปูติน” ของรัสเซีย

อีกทั้งจากเหตุการณ์ทรัมป์ถูกลอบยิงขณะปราศรัยที่เมืองบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนีย ยิ่งช่วยสร้างคะแนนนิยมให้ทรัมป์สูงกว่าไบเดนมากยิ่งขึ้น ทำให้ทรัมป์ได้คะแนนนำไปถึง 70% และไบเดนเพียง 30% ท้ายที่สุดไบเดนก็ยอมรับสภาพประกาศถอนตัวชิงตำแหน่งประธานาธิบดี พร้อมเสนอ “กมลา แฮร์ริส” เป็นตัวแทนจากพรรคเดโมแครต ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีกับ โดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันแทน

กระแสการมาของ “กมลา แฮร์ริส” ไปในทิศทางที่ค่อนข้างดี ด้วยภาพลักษณ์ที่ดี ทำให้การตีตื้นคะแนนนิยมเพิ่มเป็น 40% ทรัมป์ เหลือ 60% แม้ว่าแนวทางนโยบายในการหาเสียงของแฮร์ริสอาจยังไม่โดดเด่นมากนัก แต่เชื่อว่าการขึ้นเวทีปราศรัยจะไม่อ่อนแอเหมือนกับที่ไบเดนแสดงออกอย่างแน่นอน ความสมน้ำสมเนื้อจะมีมากขึ้น

ทั้งนี้ สถานการณ์ทางการเมืองของสหรัฐอเมริกายังคงมีความไม่แน่นอนอยู่มาก อะไรก็เกิดขึ้นได้ระหว่างทางเสมอ ในช่วงที่กระแสของทรัมป์มาแรงก็มีผลกดดันให้ราคาของกลุ่มหุ้น Big Tech ถูกกดดันอย่างมาก เพราะมีความกังวลต่อนโยบาย Tech wall ของทรัมป์หากได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาอีกครั้ง

โดยที่นโยบายการหาเสียงของทรัมป์ในครั้งนี้ยังคงมุ่งมั่นที่จะนำเอาการจ้างงานการผลิตสินค้ากลับมายังสหรัฐฯ เพิ่มปริมาณการส่งออกสินค้าของสหรัฐฯ และลดการนำเข้า ซึ่งไม่พ้นการขึ้นกำแพงภาษีนำเข้าจากเกือบทุกประเทศและมุ่งเป้าไปที่ประเทศจีน โดยเฉพาะสินค้าเกี่ยวเนื่องอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยี

ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อ GDP จีน 1-2% และประเทศไทยอาจได้รับหางเลขนี้ไปด้วย เพราะไทยเองก็พึ่งพิงตลาดจีนอยู่ไม่น้อย แต่อย่างไรก็ดี กระแสการมาของ “กมลา แฮร์ริส” ทำให้ความกังวลเรื่อง Tech wall ผ่อนคลายลง ทำให้ในวันนี้กลุ่มหุ้นดังกล่าวในตลาดสหรัฐฯ มีการปรับตัวที่ดีขึ้น จากนี้ก็ต้องรอดูความชัดเจนของพรรคเดโมแครต ว่า จะส่ง “กมลา แฮร์ริส” มาเป็นผู้ท้าชิงกัน "โดนัลด์ ทรัมป์" ตามคาดหรือไม่