สถานการณ์ “ราคาปาล์มวันนี้” ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน หลังเกิดปัญหาราคาตกต่ำในช่วงที่ผ่านมา จนทำให้รัฐบาลต้องออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของชาวสวนยาง
ล่าสุดวันนี้ ( 3 ส.ค. 67) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่าน x (ทวิตเตอร์) ระบุว่า “ราคาปาล์มสูงสุดในรอบ 1 ปี ขึ้นจากเดือนที่แล้ว 1 บาท วันนี้ 6.40 บาทต่อกิโลกรัมครับ
ส.ส.วิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานวิปรัฐบาลได้รายงานข้อมูลดังกล่าวมาจากพื้นที่ ซึ่งก่อนหน้านี้ใน ครม. ผมก็ได้หารือเรื่องการผลักดันราคาปาล์มอย่างจริงจัง
ทั้งนี้ข้อมูลราคาปาล์มจากพื้นที่ ก็สอดคล้องกับรายงานเศรษฐกิจและการเงินภาคใต้ ไตรมาส 2 ปี 2567 ของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ชี้ว่า รายได้จากการส่งออกล่าสุด ขยายตัวจากราคายางพาราและผลผลิตน้ำมันปาล์มที่เพิ่มขึ้น เนื่องมาจากคำสั่งซื้อของมาเลเซียและสหรัฐด้วย
ยังมีเรื่องที่ต้องทำอีกมาก แต่ขอให้พี่น้องเชื่อมั่นว่ารัฐบาลตั้งใจส่งเสริมผลักดันให้ราคาสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนครับ”
สำหรับเรื่องการแก้ไขปัญหาราคาปาล์มตกต่ำนั้น ก่อนหน้านี้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เคยออกมาให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) ว่า ที่ประชุมมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพลังงาน ร่วมกันหาทางแก้ไขปาล์มน้ำมันราคาต่ำโดยด่วน
โดยรัฐมนตรีทั้งสามกระทรวงได้หารือกันแล้ว ที่จะช่วยเหลือพี่น้องชาวสวนปาล์มจากปัญหาราคาผลปาล์มตกต่ำ โดยขอความร่วมมือให้ผู้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิงตามมาตรการ 7 แห่ง พ.ร.บ.การค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2543 อย่างบริษัทปตท. บริษัท บางจาก รับซื้อน้ำมันไบโอดีเซล (บี 100) ตามราคาประกาศ โดยยึดจากโครงสร้างราคาน้ำมันเชื้อเพลิงของสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน เรื่องนี้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน กล่าวในที่ประชุม ครม. แล้วว่า ผู้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิงตามมาตรการ 7 จะซื้อขายราคาตามประกาศจริง
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คณะกรรมการนโยบายปาล์มนํ้ามันแห่งชาติ (กนป.) แต่งตั้งให้ตนเป็นประธานกำกับดูแลเรื่องต้นทาง ซึ่งได้ตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนกลไกบริหารจัดการเพื่อแก้ไขปัญหาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มชุดใหม่ ใน 7 จังหวัดภาคใต้
และจะดำเนินการขึ้นทะเบียนลานเท และลานรับซื้อผลปาล์มของโรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบทั้งหมด เพื่อกำกับดูแลพ่อค้าคนกลาง ควบคุมราคารับซื้อผลปาล์มจากเกษตรกรให้เกิดความเป็นธรรม
นอกจากการนำไปผลิตเป็นไบโอดีเซลแล้ว การเพิ่มการส่งออกน้ำมันปาล์ม รวมถึงการส่งออกไบโอดีเซลและน้ำมันปาล์มบรรจุขวด เป็นแนวทางต้องผลักดันต่อไป โดย น้ำมันปาล์มถูกใช้ในการผลิตไบโอดีเซลประมาณ 1 ใน 3 ของปริมาณน้ำมันปาล์มที่ประเทศไทยผลิตได้ทั้งหมด และจะต้องมีกลไกส่งผ่านราคาไบโอดีเซล ราคาน้ำมันปาล์ม ไปสู่ราคาผลปาล์มให้กับชาวสวนปาล์ม ตามโครงสร้างราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรม ทั้งนี้ หากฝ่าฝืนก็จะมีกฎหมายดูแล มีทั้งจำคุกและปรับ
“เราจะดูตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ(ไบโอดีเซล) จะทบทวนโครงสร้างทั้งหมดและต้องเป็นได้รับความเป็นธรรม ซึ่งในสถานการณ์ปาล์มขณะนี้ ต้นทุนไม่เกิน 4.50 บาท เกษตรกรควรขายได้ปาล์มทะลายไม่ต่ำกว่า 5 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนราคาการซื้อขายไบโอดีเซลประกาศอยู่ที่ 35.54 บาทต่อลิตร
โดยอิงตามตลาดน้ำมันที่สิงคโปร์ ประกาศเท่าไหร่ก็ซื้อขายตามราคานั้น โดยเป็นเรื่องนี้กระทรวงพลังงานได้เจรจามาแล้ว สำหรับสต็อกน้ำมันปาล์มของไทยตอนนี้มีประมาณ 230,000 ตัน ยังเป็นตัวเลขที่บริหารจัดการได้ และสต๊อกที่เหมาะสมไม่ควรเกิน 250,000 ตัน”