กัมพูชา ถือว่าเป็นประเทศที่มีชายแดนติดกับประเทศไทยมีจุดเชื่อมโยงทั้งทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวเริ่มมีการขนส่งที่สะดวกรวดเร็วขึ้น มีแบรนด์ไทยหลากหลายยี่ห้อที่เข้าไปทำธุรกิจในตลาดกัมพูชา
“ฐานเศรษฐกิจ” มีโอกาสได้เดินทางไปกัมพูชาเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า ในกรุงพนมเปญมีการก่อสร้างตึกใหม่เพิ่มมากขึ้นตาม 2 ฝั่งข้างทาง มีห้างสรรพสินค้า รวมถึงร้านอาหารเป็นจำนวนมากแต่ส่วนใหญ่จะเป็นร้านของประเทศจีน
จากการสังเกตห้างสรรพสินค้าที่เข้ามาเปิดให้บริการเป็นห้าง Aeon ซึ่งเป็นห้างมาจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทราบมาว่าภายในระยะเวลา 1-2 ปี มีห้าง Aeon มีการลงทุนและเปิดให้บริการถึง 3 แห่งอยู่โดยรอบของกรุงพนมเปญ
เราได้มีโอกาสได้เดินสำรวจในห้าง Aeon แห่งที่ 3 ซึ่งมีสินค้าแบรนด์ที่หลากหลาย โดยเฉพาะโซนร้านอาหารชั้น 4 มีแบรนด์ร้านอาหารของประเทศไทย อาทิ ร้าน S&P Thai Restaurant & Bakery , Bar B Q Plaza , The Pizza company , Swensens, Santa Fe’ , ไอติม Dairy Queen นอกจากนี้ยังมีโรงภาพยนตร์ เมเจอร์ ซินิเพล็ก เข้าไปเปิดให้บริการอีกด้วย
ตอนนี้ธุรกิจขนาดใหญ่เริ่มเข้าไปทำการตลาดในประเทศกัมพูชา สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนเริ่มมองเห็นโอกาสในการทำธุรกิจ ซึ่งในประเทศค่อนข้างมีกำลังซื้อเพราะประชากรส่วนใหญ่อยู่ในวัยทำงานอายุเฉลี่ย 27 ปีกว่า 40%
นายธวัชชัย เศรษฐจินดา รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานหอการค้าภาคกลาง เปิดเผยว่า 2 ปีที่ผ่านมา นักลงทุนไทนออกมาลงในต่างประเทศมากกว่าในประเทศ สะท้อนให้เห็นว่าโอกาสการลงทุนในประเทศไทยได้กำไรน้อย จึงยอมออกมาลงทุนต่างประเทศ
ตอนนี้มีบริษัทใหญ่กล้าเข้ามาลงทุน และเริ่มมี SME เข้ามา โดยเฉพาะธุรกิจหมวดอาหารและหมวดสุขภาพ ซึ่งในมุมมองการทำตลาดต่างประเทศ CLMV ถือว่าเป็นตลาดเหมาะกับการทดลองสนาม
เนื่องจากภาพลักษณ์ของสินค้าไทยค่อนข้างดี สินค้ามีคุณภาพ และมองว่า SME จะเจออุปสรรคค่อนข้างน้อย ทั้งเรื่องการสื่อสารทางภาษา การขนส่งโลจิสติกค่อนข้างสะดวก และเราควรจะมีการโปรโมทให้ SME มาทดลองขายในตลาดแล้วค่อนขยายกิจการในโซนเอเชีย โซนยุโรป
ปัจจุบันประเทศไทยถือว่าเป็นเซ็นเตอร์ใหญ่ในตลาด CLMV อย่างไรก็ตามต้องมีการปรับความสามารถการแข่งขัน ผู้ประกอบการตั้งเลือกการลงทุนให้เข้าบริบทของตนเอง
และควรมีพาร์ทเนอร์ การสร้างความแตกต่างของแบรนด์ ซึ่งหากดูเศรษฐกิจของกัมพูชา ปี 2566 มีการเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 6% จึงเป็นโอกาสในการที่จะลงทุน