นางสาวจิตติมา ศรีถาพร รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การค้าชายแดนไทย – มาเลเซีย ณ ด่านสะเดาและด่านปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา เพื่อรับฟังปัญหาและอุปสรรคทางการค้าชายแดนจากผู้ประกอบการในพื้นที่ และผลักดันการค้าชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน และการค้าผ่านแดนไทยไปยังประเทศที่สาม
รวมทั้งส่งเสริมการค้าการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์จากการเชื่อมโยงการผลิตในภูมิภาค รวมถึงผลักดันให้มีการใช้ประโยชน์จาก FTA นำไปสู่การขยายตัวของการส่งออกของไทยได้อย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ กรมฯ ได้เร่งดำเนินงานในการส่งเสริมการค้าการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้านและผลักดันการค้าชายแดน – ผ่านแดนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดนของไทย โดยตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดนของประเทศไทยให้เป็น 2 ล้านล้านบาทต่อปี ภายในปี 2570
สำหรับปี 2566 ด่านสะเดา และด่านปาดังเบซาร์ มีมูลค่าการค้ารวมทั้งสองด่านกว่า 5.69 แสนล้านบาท และเนื่องจากทั้งสองพื้นที่อยู่ใกล้ท่าเรือปีนังและท่าเรือกลางของมาเลเซีย และมีการเชื่อมโยงการรถไฟระหว่างไทย – มาเลเซีย
อีกทั้งจังหวัดสงขลาถือว่าเป็น 1 ใน 10 จังหวัดเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ มีฐานการผลิตที่สำคัญ อาทิ อุตสาหกรรมแปรรูปยางพารา อาหารทะเล และอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งเป็นพื้นที่ภายใต้โครงการความร่วมมือเศรษฐกิจสามฝ่ายอินโดนีเซีย – มาเลเซีย - ไทย (IMT-GT) ทำให้ด่านสะเดาและด่านปาดังเบซาร์เป็นด่านชายแดนทางบกที่มีมูลค่าการค้าชายแดน - ผ่านแดนสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งและอันดับสองของไทย
นอกจากนี้ ในการลงพื้นที่จังหวัดสงขลาครั้งนี้ ยังได้ติดตามความคืบหน้าการให้บริการของศูนย์ให้บริการแบบเบ็ดเสร็จจุดเดียว One Stop Service ( OSS) เพื่ออำนวยความสะดวกการค้าชายแดนและผ่านแดน ทั้งทางการค้าชายแดนและผ่านแดนให้แก่ประชาชน ช่วยลดระยะเวลา ลดขั้นตอน และลดค่าใช้จ่าย ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมและผลักดันมูลค่าการค้าชายแดน – ผ่านแดนให้เป็นไปตามเป้าหมายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
ปัจจุบันกรมฯ ได้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์ OSS เรียบร้อยแล้ว โดยนำร่องในจังหวัดที่มีมูลค่าการค้าชายแดนสูง จำนวน 10 แห่ง ใน 8 จังหวัด เชียงราย ตาก หนองคาย นครพนม มุกดาหาร ตราด อุดรธานี และสงขลา
ซึ่งที่จังหวัดสงขลา ศูนย์ OSS มีจำนวน 2 แห่ง ณ ด่านศุลกากรสะเดาและด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่สามารถมาติดต่อขอรับบริการต่างๆ ได้ ณ จุดเดียว
สถิติปี 2566 มีจำนวนผู้ใช้บริการศูนย์ OSS ณ ด่านศุลกากรสะเดา รวม 1,278 ราย แบ่งเป็น ด่านศุลกากรสะเดา 520 ราย ด่านอาหารและยา 322 ราย ด่านตรวจประมง 210 ราย ด่านตรวจพืช 71 ราย ด่านกักกันสัตว์ 136 ราย และด่านป่าไม้ 19 ราย
และในส่วนด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ มีจำนวนผู้ใช้บริการ รวม 3,756 ราย แบ่งเป็น ศุลกากรปาดังเบซาร์ 289 ราย ด่านอาหารและยา 2,400 ราย ด่านตรวจประมง 210 ราย ด่านตรวจพืช 300 ราย ด่านกักกันสัตว์ 432 ราย ด่านตรวจสัตว์ป่า 114 ราย และด่านป่าไม้ 11 ราย
ด้านนายเผดิมเดช มั่งคั่ง นายด่านศุลกากรสะเดา เปิดเผยว่า สำหรับด่านศุลกากรสะเดาแห่งที่ 2 คาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการประมาณหลังเดือนตุลาคม 2568 เมื่อฝั่งชายแดนไทยเปิดให้บริการ ฝั่งมาเลเซียก็ยังเปิดให้บริการ ซึ่งจะเป็นทางเลือกให้กับนักท่องเที่ยวและอำนวยความสะดวกให้กับผู้เดินทางผ่านชุมชนด่านนอก เนื่องจากรถสินค้าจะวิ่งผ่านเส้นทางใหม่
การเตรียมเปิดด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ กรมศุลกากรได้ดำเนินการก่อสร้างบนเนื้อที่ 596 ไร่ 1 งาน 18 ตารางวา เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2559 วงเงินทั้งสิ้น 1,532.7 ล้านบาท ประกอบด้วย อาคารสำนักงาน อาคารตรวจปล่อยสินค้า อาคารผู้โดยสารและยานพาหนะ อาคารพักอาศัย และส่วนประกอบ โดยก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2562
สำหรับภาพรวมการค้าชายแดนและผ่านแดนไทย-มาเลเซีย ปี 2567 (ม.ค. - มิ.ย.) มีมูลค่าการค้ารวม 296,810 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.41% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นการส่งออก 171,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.89% และการนำเข้า 124,910 ล้านบาท ลดลง 9.31% โดยไทยได้ดุลการค้า 46,990 ล้านบาท
ขณะที่การค้าชายแดนและผ่านแดนของด่านศุลกากรสะเดา ปี 2567 (ม.ค. - มิ.ย.) มีมูลค่าการค้ารวม 214,411 ล้านบาท ลดลง 3.51% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นการส่งออก 112,761 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.40%) และการนำเข้า 101,650 ล้านบาท ลดลง 15.35% โดยไทยได้ดุลการค้า 11,111 ล้านบาท
มีสินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่
ในส่วนการค้าชายแดนและผ่านแดนของด่านศุลกากรปาดังเบซาร์ ปี 2567 (ม.ค. - มิ.ย.) มีมูลค่าการค้ารวม 78,554 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.77% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นการส่งออก 55,960 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.21% และการนำเข้า 22,594 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.08% โดยไทยได้ดุลการค้า 33,365 ล้านบาท
มีสินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่