วันที่ 13 กันยายน 2567 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ชี้แจงประเด็นคำถามในการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภาในการประชุมร่วมกันของรัฐสภาครั้งที่ 2 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ
นายพิชัย กล่าวว่า ทุกคนอยากเห็นประเทศไทยเดินไปข้างหน้า ซึ่งเศรษฐกิจไทยเราย่ำแย่มานานโตต่ำมาเกือบ 10 ปี ขอให้ทุกคนร่วมมือกันเพื่อให้เราผ่านปัญหาต่าง ๆ ไปด้วยกันได้ ในภาวะของโลกที่มีสงครามการค้า ทั้งการเลือกตั้ง และสงครามการค้าจะเกิดขึ้นแน่เรามองว่าเป็นโอกาสของไทย
"ปีที่ผ่านมามีการลงทุนในธุรกิจแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) ถึง 150,000 ล้านบาทและจากนี้จะเข้ามาอีกหลายแสนล้าน ถึงล้านล้านบาท และจะมีธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องระบบ Smart ต่างๆ เช่น Smart Home Smart TV ระบบ AI และ Data Center จะใช้ PCB และไทยมีแหล่งพลังงานที่เยอะเหลือเป็น 10,000 เมกะวัตต์ มีความเสถียร และเรามีแหล่งน้ำเพียงพอทำให้เขาอยากมาลงทุนในประเทศไทย ผมเชื่อว่าการลงทุนในธุรกิจ PCB จะเป็นอนาคตของประเทศไทยเป็น New-S-Curve หรือคลื่นลูกใหม่ที่จะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจขอยืนยัน"
ทั้งนี้ เรื่องสินค้าจีนเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน กระทรวงพาณิชย์ ได้เรียกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกว่า 28 หน่วยงานมาร่วมประชุมกันหาทางออกให้ได้สินค้าที่ได้มาตรฐานสากลและปลอดภัยกับประชาชนโดยจะนำมาตรการที่มีอยู่แล้วมาใช้อย่างเต็มที่ เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมที่เรามีอยู่ ทั้งด้านมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม มาตรฐานอาหารและยา มาตรการทางภาษี เช่น การจัดเก็บ VAT ในสินค้านำเข้า
นอกจากนี้ การจะกำหนดให้แพลตฟอร์ม e-commerce ต่างประเทศต้องมาจัดตั้งเป็นบริษัทในประเทศไทย จะเร่งปรับปรุงระเบียบที่เกี่ยวข้องกับเขตปลอดอากร (Free Zone) เพื่อให้สามารถเข้าไปจัดระเบียบด้านมาตรฐานสินค้าได้ การเร่งสร้างศักยภาพให้กับ SMEs ให้ใช้ประโยชน์ จาก e-commerce เร่งสนับสนุนพัฒนาผู้ให้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัลของไทย เป็นต้น โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตของผู้บริโภค และใช้มาตรการกับทุกประเทศเหมือนกันอย่างเท่าเทียม นอกจากนี้จะมีการตั้งศูนย์เฉพาะกิจเพื่อป้องกันและปราบปรามสินค้าและธุรกิจจากต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย
ขณะเดียวกัน เรื่องสินค้าเกษตร กระทรวงพาณิชย์มีการดำเนินการเชิงรุก และมีขั้นตอนดำเนินการอย่างไรให้สินค้าเกษตรราคาสูงขึ้นตามที่ต้องการ ที่ผ่านมาสินค้าเกษตรหลักหลายอย่างทั้ง ข้าว มันสำปะหลัง ยางพาราราคาสูงขึ้นมากทำลายสถิติ ข้าวหอมมะลิราคาสูงสุดในรอบ 5 ปี ข้าวเจ้าราคาสูงสุดในรอบ 20 ปี ข้าวเหนียว สูงสุดในรอบ 4 ปี ยางแผ่นดิบ น้ำยาง ราคาสูงสุดในรอบ 10 ปี ราคาพืชเกษตรอื่นก็ราคาสูงขึ้นทั้งสับปะรด กระเทียม หอมแดง ผลไม้ ก็มีราคาสูงขึ้นกว่าทุกปี
นอกจากนี้ มูลค่าเศรษฐกิจของข้าวเปลือก ยางพารา ผลไม้ พืช3หัว เฉลี่ยเพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อนถึง 23% ทำให้เกษตรกรกว่า 7.4 ล้านครอบครัวมีรายได้เพิ่มขึ้น 196,536 ล้านบาท เกือบ 200,000 ล้านบาท จากที่เราทำการตลาดล่วงหน้าให้ได้ราคาสินค้าเกษตรที่สูงขึ้น
“ขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลคิดครบทุกมิติ ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน เรามีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาประเทศให้ดีเหมือนกัน เราฝันแบบเดียวกัน ขอเรียนย้ำว่า รัฐบาลโดยท่านนายกแพทองธาร จะเร่งดำเนินการแก้ปัญหาและมีทิศทางเศรษฐกิจที่เห็นผลชัดเจน อีกไม่นานเรื่องต่างๆจะออกมาช่วยประชาชน ขอให้มั่นใจ ถ้ามีเรื่องอะไรแนะนำได้เสมอยินดีรับฟัง หวังว่าประเทศเราหลังจากนี้จะพัฒนาไปด้วยกันได้” นายพิชัย กล่าว