นางสาวโชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเจรจา FTA ไทย–ภูฏาน รอบที่ 2 ระหว่างวันที่ 17–19 กันยายนนี้ ณ กรุงเทพฯ โดยการเจรจารอบนี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการเจรจาการค้า (Trade Negotiating Committee: TNC) ซึ่งกำกับดูแลและติดตามการเจรจาในภาพรวม และการประชุมคณะทำงานกลุ่มย่อย 8 คณะ ได้แก่
1. การค้าสินค้า
2.กฎถิ่นกำเนิดสินค้า
3.พิธีการศุลกากรและการอำนวยความสะดวกทางการค้า
4.มาตรการเยียวยาทางการค้า
5. อุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า
6.มาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช
7. ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
8. ประเด็นทางกฎหมายและสถาบัน
นางสาวโชติมา กล่าวว่า ความตกลง FTA ไทย-ภูฏาน จะครอบคลุมประเด็นการค้าสินค้าเป็นหลัก และคาดว่า จะสามารถสรุปผลเจรจาได้ตามแผนงานภายในกลางปี 2568 ทั้งนี้ FTA ฉบับนี้ จะเป็นกลไกสำคัญในการบรรลุเป้าหมายการค้าสองฝ่ายไม่ต่ำกว่า 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2568 รวมทั้งจะช่วยกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างกัน
นอกจากนี้ ยังช่วยส่งเสริมการค้าและการส่งออกของไทยไปภูฏานในระยะยาว นอกจากนี้ ภูฏานยังมีศักยภาพที่จะเป็นตลาดรองรับสินค้าของไทย เนื่องจากเป็นประเทศที่มีพัฒนาการทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง พึ่งพาการนำเข้าสินค้าเป็นหลัก และสินค้าของไทยเป็นที่นิยมของชาวภูฏานอีกด้วย
ทั้งนี้ ในปี 2566 การค้าระหว่างไทยกับภูฏาน มีมูลค่า 18.77 ล้านดอลลาร์ โดยไทยส่งออกไปภูฏาน มูลค่า 18.71 ล้านดอลลาร์ และไทยนำเข้าจากภูฏาน มูลค่า 6 หมื่นดอลลาร์
ขณะที่ ในช่วง 7 เดือน (ม.ค.–ก.ค. 2567) การค้าระหว่างไทยกับภูฏาน มีมูลค่า 8.97 ล้านดอลลาร์ โดยไทยส่งออกไปภูฏาน มูลค่า 8.97 ล้านดอลลาร์ และไทยนำเข้าจากภูฏาน มูลค่า 5 หมื่นดอลลาร์
สำหรับสินค้าส่งออกสำคัญ อาทิ เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ ผ้าผืน ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูป ผลไม้แห้ง และเครื่องใช้ไฟฟ้า และสินค้านำเข้าสำคัญ อาทิ ยางสำหรับอากาศยาน อุปกรณ์การบินและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์โลหะ ศิลปกรรม และถั่งเช่า