ชาวไร่-ผู้ค้าข้าวโพด-ประมง ค้าน คน. เคาะแผนนำเข้าวัตถุดิบ

19 ก.ย. 2567 | 11:11 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ก.ย. 2567 | 11:55 น.

เปิดศึกธัญพืชเดือด ชาวไร่-พ่อค้าข้าวโพด-ประมง ค้าน คน. เคาะแผนการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ ปี 68 ชงจ่ายไร่ละ 1,000 บาท เหมือนโมเดลข้าว ขณะสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ ระส่ำ ผวากระทบส่งออกต่อเนื่อง 1 ล้านล้านวูบ “มงคล” โวย สต็อกท่วม ร.ง.ปลาป่นปฏิเสธการรับซื้อ หากนำเข้าประมงเจ๊ง

สืบเนื่องจากกรมการค้าภายใน ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายอาหาร มีการประชุม (2 ก.ย.67) หารือแนวทางการกำหนดนโยบายและมาตรการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์  (ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กากถั่วเหลือง และปลาป่น ปี 2568  จึงได้เชิญราชการ เอกชน และเกษตรกรที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันประเมินสถานการณ์และพิจารณา ก่อนนำเสนอคณะกรรมการนโยบายอาหารพิจารณากำหนดนโยบายและมาตรการต่อไปนั้น

มงคล สุขเจริญคณา

 

นายมงคล สุขเจริญคณา  ประธานสมาคมการประมงแห่งประเทศไทย  เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ได้รับการร้องเรียนจากสมาชิก เกี่ยวกับปัญหาราคาสินค้าสัตว์น้ำภายในประเทศตกต่ำ ซึ่งสาเหตุหลักสำคัญมาจากการนำเข้าและลักลอบนำเข้าสัตว์น้ำจากต่างประเทศที่ไม่มีมาตรการควบคุมที่เหมือนประเทศไทย ทั้งยังได้รับผลกระทบจากโรงงานปลาป่นไม่สามารถส่งออกและจำหน่ายได้ตามปกติ เนื่องจากโรงงานอาหารสัตว์มีการนำเข้าปลาป่นมาจากประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย และอินเดีย ทำให้สต็อกล้นตลาด และปัจจุบันราคาปลาเป็ดจากราคา 10 บาท/กก. ในขณะนี้เหลือ 5 บาท/กิโลกรัมแล้ว

อีกทั้งยังมีนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์บางรายการที่นำมาทดแทนปลาปลาป่น ซึ่งหากไม่มีมาตรการหยุดการนำเข้าปลาปันจากต่างประเทศ จะส่งผลกระทบต่อราคาปลาป่นและสัตว์น้ำภายในประเทศกระทบรุนแรงมาก ล่าสุดเริ่มมีการปฏิเสธรับซื้อสัตว์น้ำจากเรือประมงไทยแล้ว หากเป็นอย่างนี้ ทางสมาคม 22 จังหวัดมีการเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน หากมีการอนุมัติให้มีการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ (ปลาป่น)

ด้านนายธีรวัฒน์ รังสิกรรพุม เกษตรกรแปลงใหญ่ตำบลวังชมภู อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่าทางเกษตรกรจังหวัดเพชรบูรณ์ 8 ข้อ ได้แก่ 1.เสนอราคาประกันความชื้น 30% ที่ 8 บาทต่อกิโลกรัม ที่เพชรบูรณ์ 2. ไม่ให้ปรับลงราคาเร็วเกินไปโดยให้ผู้ผลิตอาหารสัตว์  แจ้งปรับปรุงราคาล่วงหน้า 1 สัปดาห์ต่อครั้ง 3. ยื่นข้อเสนอปรับเปลี่ยนช่วงเวลานำเข้าข้าวโพดจากเพื่อนบ้านเดิมกุมภาพันธ์ถึงสิงหาคมเปลี่ยนเป็นกุมภาพันธ์ถึงกรกฎาคมเพื่อไม่ให้ทับซ้อนกับข้าวโพดของประเทศไทย

ชาวไร่-ผู้ค้าข้าวโพด-ประมง ค้าน คน. เคาะแผนนำเข้าวัตถุดิบ

4.ให้ตรวจสอบเอกสารการรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากผู้ผลิตอาหารสัตว์ ว่าซื้อจากเกษตรกรไทยจำนวนเท่าไหร่ต่อปี เพื่อให้เห็นผลผลิตจริงของเกษตรกรไทย 5. ให้หน่วยงานสศก.ปรับเปลี่ยนต้นทุนการผลิตของเกษตรกรเป็นไปตามจริง 6,125 บkmต่อไร่ และผลผลิตของเกษตรกรความชื้น 14.5% ใหม่ มีผลต่อโควต้าการนำเข้าวัตถุดิบทดแทนข้าวโพดในประเทศไทย เพื่อไม่ให้เกินความต้องการใช้ในประเทศ

ชาวไร่-ผู้ค้าข้าวโพด-ประมง ค้าน คน. เคาะแผนนำเข้าวัตถุดิบ

 

6. ให้สนับสนุนการผลิตเข้าวโพด แก่เกษตรกรไร่ละ 1,000 บาทแบบเดียวกับข้าว เพื่อกระตุ้นการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ภายในประเทศให้เพียงพอต่อความต้องการ 7. ให้ตรวจสอบการลักลอบนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากเพื่อนบ้านเดือนกันยายน ยังคงมีการนำข้าวโพดเข้ามาขายทับซ้อนกับเกษตรกรไทยทำให้โรงงานผลิตอาหารสัตว์ชะลอการซื้อข้าวโพดเกษตรกรไทย cและ 8. ห้ามยกเลิกมาตรการ 3 1

 

ด้านนายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย ตั้งข้อสังเกตจากข้อเรียกร้องของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดหลังสมาคมการค้าพืชไร่เพชรบูรณ์ประกาศหยุดรับซื้อข้าวโพดจากเกษตรกรเป็นเวลา 3 วันโดยอ้างราคาขายตกต่ำเกินกว่าจะทำกำไรว่าปัจจุบันราคาข้าวโพดที่โรงงานอาหารสัตว์ซื้อจากผู้รวบรวมอยู่ที่ 10.50 บาท/กก.(ความชื้น14.5%) ราคาที่ผู้รวบรวมควรรับซื้อจากเกษตรกรควรอยู่ที่ 9.70 บาท/กก. (ความชื้น14.5%) และ 7.50 บาท(ความชื้น 30%) แต่ในข้อเท็จจริงเกษตรกรเร่งเก็บเกี่ยวความชื้นสูงกว่า 35% จึงถูกผู้รวบรวมซื้อในราคาเหมาที่ 6-6.5 บาท/กก. หรืออาจจะต่ำกว่านั้นถ้าขายทั้งฝัก นับเป็นเรื่องน่าเห็นใจเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดอย่างยิ่ง

 

ชาวไร่-ผู้ค้าข้าวโพด-ประมง ค้าน คน. เคาะแผนนำเข้าวัตถุดิบ

“นี่จึงเป็นความจำเป็นของโครงการประกันรายได้เกษตรกรที่สมาคมฯ ได้หารือกับรองนายกรัฐมนตรี (นายภูมิธรรม เวชยชัย) ในสมัยที่ยังเป็นเจ้ากระทรวงพาณิชย์ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่เกษตรกรว่าราคาข้าวโพดจะไม่ต่ำไปกว่าที่ประกัน โดยไม่ต้องคำนึงถึงการนำเข้าวัตถุดิบทดแทนชนิดอื่นๆเลย แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือรัฐต้องกำกับดูแลให้ความเป็นธรรมแก่เกษตรกรที่ไปขายตามลานรับซื้อต่างๆให้เป็นไปตามโครงสร้างการประกันราคาที่กำหนดอย่าปล่อยให้มีการกดราคาซึ่งผู้รวบรวมจะคงส่วนต่างกำไรไว้เสมอ ดังคำพูดติดปากกันว่าข้าวโพดแพงเกษตรกรปศุสัตว์ได้รับผลกระทบ แต่เกษตรกรข้าวโพดกลับไม่ได้ราคาที่สูงตามที่ควรได้” นายพรศิลป์กล่าว

ชาวไร่-ผู้ค้าข้าวโพด-ประมง ค้าน คน. เคาะแผนนำเข้าวัตถุดิบ

ราคาที่โรงงานอาหารสัตว์จ่ายให้แก่ผู้รวบรวมที่ 10.50 บาท/กก.นี้สูงกว่าราคาที่ประกันรายได้ให้เกษตรไทยที่ได้หารือกับกรมการค้าภายในไว้ที่  9.80 บาท/กก.(ความชื้น14.5%) ณ หน้าโรงงานกรุงเทพปริมณฑล และยังสูงกว่าที่เกษตรกรเวียดนามจ่ายให้ข้าวโพดนำเข้าจากบราซิล อาเจนติน่า และสหรัฐอเมริกาที่มีราคาเพียง8-9 บาทเท่านั้นตรงนี้สะท้อนปัญหาโครงสร้างนโยบายวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่บิดเบี้ยวจนทำให้เกษตรกรถูกเอาเปรียบและทำให้ต้นทุนการผลิตภาคปศุสัตว์ของไทยสูงกว่าประเทศคู่แข่ง

ชาวไร่-ผู้ค้าข้าวโพด-ประมง ค้าน คน. เคาะแผนนำเข้าวัตถุดิบ

 

นายพรศิลป์ยังชี้ให้เห็นสัญญาณอันตรายที่เป็นข้อจำกัดไม่ให้ภาคปศุสัตว์ของไทยเติบโตจากข้อเรียกร้องหลายข้อที่แสดงให้เห็นแนวคิดที่จะจำกัดจำนวนวัตถุดิบให้ขาดแคลนเพื่อจุดประสงค์ในการยกราคาข้าวโพดให้สูงขึ้นอาทิ การจำกัดเวลานำเข้าข้าวโพดจากประเทศเพื่อนบ้าน การกำหนดโควตาภาษีนำเข้าข้าวโพดภายใต้กรอบ WTO รวมถึงมาตรการควบคุมนำเข้าข้าวสาลีซึ่งส่งผลกระทบอย่างชัดเจน เช่น “อุตสาหกรรมไก่เนื้อ” เดิมมีอัตราการส่งออกเติบโตเฉลี่ยปีละ 3-4%

ชาวไร่-ผู้ค้าข้าวโพด-ประมง ค้าน คน. เคาะแผนนำเข้าวัตถุดิบ

แต่หลังจากมีมาตรการควบคุมการนำเข้าข้าวสาลีในช่วงปลายปี 2559 ทำให้อัตราการเติบโตของการส่งออกไก่เนื้อรวมถึงการผลิตอาหารไก่เนื้อลดลงเหลือปีละ1% เนื่องจากวัตถุดิบมีไม่เพียงพอและต้นทุนปรับสูงขึ้น หากยังคงแนวคิดนี้ต่อไป ปริมาณส่งออกไก่เนื้อและผลิตภัณฑ์ปีละ 1.1 ล้านตันสร้างรายได้ให้แก่ประเทศไทยปีละไม่ต่ำกว่า1.5 แสนล้านบาท จะหยุดนิ่งที่ตรงนี้ นอกเสียจะลดการบริโภคภายในประเทศเพื่อให้ได้จำนวนไปส่งออกเพิ่ม แต่ก็จะเกิดปัญหาขาดแคลนภายในประเทศแทน ราคาเนื้อไก่ที่ผู้บริโภคต้องซื้อก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย

ชาวไร่-ผู้ค้าข้าวโพด-ประมง ค้าน คน. เคาะแผนนำเข้าวัตถุดิบ

 

“จำนวนข้าวโพดจะไม่มีเพิ่มขึ้นแล้วเพราะผู้รวบรวมไม่ยอมให้เพิ่ม จะให้ไปใช้พืชชนิดอื่นก็ไม่ได้เพราะสารอาหารไม่เท่าข้าวโพด  เมื่อการผลิตอาหารสัตว์ต้องสะดุดเพราะไม่มีวัตถุดิบ จำนวนอาหารสัตว์ไม่พอป้อนตัวสัตว์ ราคาอาหารสัตว์จะสูงขึ้นเรื่อยๆ ราคาเนื้อสัตว์ก็สูงตาม ปัญหานี้ใหญ่มากลองมองดูตลอด Supply Chain ก็จะเห็นว่าไก่ส่งออกก็จะติดขัด ไม่สามารถขยายตลาดได้ ยอดขายกว่าแสนล้านไม่โต กลุ่ม SME จะเป็นกลุ่มแรกที่ไปต่อไม่ไหว หลังจากนั้นภาคปศุสัตว์ของประเทศจะล้มพับทั้งระบบ นับเป็นเรื่องอันตรายมากสำหรับพวกเราทุกคน”

 

ชาวไร่-ผู้ค้าข้าวโพด-ประมง ค้าน คน. เคาะแผนนำเข้าวัตถุดิบ

นอกเหนือจากเงื่อนไขต่างๆที่เป็นอุปสรรคจากกลุ่มผู้รวบรวมแล้ว ยังมีมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม อาทิ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) ปัญหาการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ ปัญหา PM2.5 ที่ล้วนเป็นตัวทับถมให้ทำให้ปริมาณข้าวโพดที่จะใช้ได้นั้นลดลง เนื่องจากอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ต้องลดการซื้อข้าวโพดรุกป่าและข้าวโพดที่ผ่านการเผาซึ่งหากคิดตัวเลขที่ซื้อไม่สามารถซื้อได้ 10% เท่ากับข้าวโพดในประเทศจะหายไป 5 แสนตันนอกจากนี้ข้าวโพดจากประเทศเพื่อนบ้านที่ไม่มีหลักฐานแสดงว่าปลอดการเผาและรุกป่าก็จะไม่สามารถนำเข้ามาได้ ซึ่งจำนวนนำเข้าเฉลี่ยปีละ 1.5 ล้านตันจะหายไป รวมปริมาณข้าวโพดที่จะหายไปทั้งระบบ 2 ล้านตันต่อปี

ชาวไร่-ผู้ค้าข้าวโพด-ประมง ค้าน คน. เคาะแผนนำเข้าวัตถุดิบ

“สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่รัฐต้องเตรียมตัวและเร่งแก้ปัญหาทันที อย่ามัวแต่สนใจพฤติกรรมของคนบางกลุ่มที่มีวิสัยทัศน์เพียงขอบเขตทำกำไรของตน ห่วงแค่ว่าถ้าข้าวโพดเข้ามาเยอะแล้วราคาจะตก จะห่วงทำไมในเมื่อมีการประกันรายได้ให้เกษตรกรแล้ว ผมจึงอยากให้รัฐมีวิสัยทัศน์ให้กว้างไกลกว่าคนกลุ่มนี้และเร่งพิจารณาแก้ไขโครงสร้างทั้งหมดทันทีก่อนจะสายเกินแก้” นายพรศิลป์กล่าว

 

ชาวไร่-ผู้ค้าข้าวโพด-ประมง ค้าน คน. เคาะแผนนำเข้าวัตถุดิบ

อนึ่ง สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย มีหนังสือไปยังนายกรัฐมนตรีแล้ว โดยเสนอให้มีการประกันรายได้เกษตรกรในราคาที่เหมาะสมเป็นธรรม และเปิดให้มีการนำเข้าวัตถุดิบทดแทนเสรีให้เพียงพอต่อความต้องการในราคาที่แข่งขันได้จะทำให้เกษตรกรข้าวโพดได้รับการดูแลไปพร้อมกับเกษตรกรปศุสัตว์ ซึ่งถือเป็นห่วงโซ่เดียวกัน เพราะหากประเทศไทยไม่สามารถส่งออกเนื้อสัตว์ไปแข่งขันได้ปัญหาจะย้อนกลับมากระทบทุกข้อต่อในห่วงโซ่ รวมถึงเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดด้วย

ชาวไร่-ผู้ค้าข้าวโพด-ประมง ค้าน คน. เคาะแผนนำเข้าวัตถุดิบ

ขณะเดียวกัน ขอให้ภาครัฐให้ความสำคัญกับการผลิตวัตถุดิบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อรักษาตลาดส่งออกสินค้าปศุสัตว์อย่างยั่งยืนต่อไป “หากไม่เปลี่ยนนโยบายวัตถุดิบเตรียมรอรับวิกฤตที่จะเกิดกับภาคปศุสัตว์ต่อไปได้เลย จะกระทบผู้เกี่ยวข้องตลอดทั้งห่วงโซ่อุตสาหกรรมเริ่มตั้งแต่เกษตรกรผู้ปลูกพืชอาหารสัตว์ โรงงานอาหาร สัตว์ ฟารม์เลี้ยงสัตว์ โรงงานแปรรูป และโรงงานผลิตอาหารสำเร็จรูปส่งออก รวมกันกว่า 12 ล้านคน มีมูลค่าทางเศรษฐกิจรวมกันว่า 1 ล้านล้านบาท  ทำให้ขาดความมั่นคงอาหารให้กับประเทศ และขาดรายได้จากการส่งออกเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์กว่าปี ละ 2 แสนล้านบาท” นายพรศิลป์กล่าวทิ้งท้าย