แหล่งข่าวชาวไร่จังหวัดเพชรบูรณ์ เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ทางสมาคมพืชไร่จังหวัดเพชรบูรณ์ ประกาศหยุดรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ทั้งระบบ ได้แก่ หยุดรับซื้อจากเกษตรกร,หยุดรับซื้อจากรถเกี่ยวรถลาก และหยุดรับซื้อจากพ่อค้าคนกลาง เริ่มวันที่ 13-15 กันยายน 2567 เนื่องจากโรงงานอาหารสัตว์ลดราคาซื้อทุกวัน เดือดร้อนถึงเกษตรกรที่รอเก็บเกี่ยว
สำหรับปัญหาเกิดจากผู้ผลิตอาหารสัตว์ ลดราคาข้าวโพดที่ปลายทางโดยไม่รู้สาเหตุ ทั้งนี้มองว่า หากประเทศไทยไม่มีการนำเข้าข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ กากถั่วเหลือง กากข้าวโพด ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากต่างประเทศหรือเพื่อนบ้าน ปัญหาเหล่านี้คงไม่เกิดขึ้นกับเกษตรกรไทย
"ปัจจุบันราคารับซื้อข้าวโพดสด อยู่ที่ 7.20-7.40 บาท/กิโลกรัม หลังจากซื้อแล้วจะต้องใช้เวลาเก็บเกี่ยว 3 วัน ถ้าราคาลงวันละ 30 สตางค์ 3 วันเท่ากับ เท่ากับ 1 บาท ซึ่งพ่อค้าไม่ได้มีกำไร ถ้าซื้อไปเรื่อย ๆ ขาดทุนแน่ ๆ ก็บอกตรง ๆ ว่าไม่ไหว เพราะขาดทุนทุกวัน ไปไม่ไหวจริง"
ด้านนายเติมศักดิ์ บุญชื่น ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าราคาข้าวโพดผันผวนจริง โดยเฉพาะบริษัทใหญ่ปรับลดราคาลงทุกวันโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งในแง่ของเกษตรกรไม่เห็นด้วยกับมาตรการที่จะหยุดรับซื้อ
ขณะที่แหล่งข่าววงการค้าพืชไร่ กล่าวว่า ในความคิดเห็นส่วนตัวมองว่าการเก็บเกี่ยวข้าวโพดที่เมล็ดอ่อนกว่ากำหนดเก็บเกี่ยวทำให้เมล็ดข้าวโพดที่อบแห้งแล้วไม่ได้คุณภาพ แป้งน้อย เมล็ดแตก ทำให้ส่วนผสมอาหารสัตว์ไม่ได้คุณภาพ ผู้ประกอบการผลิตอาหารสัตว์ จึงทำการลดราคา ตามคุณภาพของเมล็ดข้าวโพดที่อบแห้งแล้ว ที่พร้อมแปรรูปเป็นส่วนผสมอาหารสัตว์
"อีกทั้งคำนวณต้นทุนแล้ว การนำเข้าข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ กากถั่วเหลือง กากข้าวโพด เมล็ดข้าวโพด อาจจะมีคุณภาพมากกว่าผลิตในประเทศ และมีต้นทุนพอ ๆ กับซื้อในประเทศ แต่ได้คุณภาพที่ดีกว่า ผมว่าเรามาส่งเสริมการเก็บเกี่ยวเมล็ดข้าวโพดแบบแห้ง เหมือนในต่างประเทศน่าจะดีกว่าการเก็บเกี่ยวเมล็ดข้าวโพดแบบสดเหมือนทุกวันนี้ ถ้าของดีอยู่ในมือไม่มีโรงงานไหนซื้อถูกแน่นอน"