ยิ่งถ้าแนวคิดแบบนี้เป็นระดับรัฐมนตรี ยิ่งน่ากังวลใจ อดคิดไม่ได้ว่าเราจะฝากประเทศชาติไว้ในมือคนที่ไม่รู้คุณค่าของความสามารถในการผลิตอาหารได้เอง ไม่รู้ความสำคัญของการเป็นครัวของโลกจริง ๆ หรือ?
การที่ประเทศไทยเป็นแหล่งผลิตอาหารของโลก เกษตรกรไทยมีศักยภาพในการผลิตพืชผลทางการเกษตร ทั้งภาคพืช ภาคปศุสัตว์และภาคประมง ป้อนคนในประเทศและส่งออกไปทั่วโลก ไม่เคยเกิดภาวะขาดแคลนอาหาร ผู้คนเข้าถึงอาหารได้ง่าย ผู้ประกอบการไทยมีความสามารถในการแปรรูปอาหารในระดับชั้นนำของโลก ภาครัฐมีมาตรฐานกำกับดูแลการผลิตอาหารปลอดภัยตั้งแต่ฟาร์มจนถึงมือผู้บริโภค แม้มีภัยพิบัติใดคนไทยก็ไม่เคยขาดแคลนอาหาร ตอกย้ำว่าประเทศไทยมีความมั่นคงทางอาหารที่เข้มแข็ง และรัฐบาลควรที่จะรักษาสิ่งนี้ไว้ให้คงอยู่สืบไป
การตั้งคำถามว่าทำไมไม่นำเข้าเนื้อหมู เหมือนถามว่าทำไมไม่ทุบหม้อข้าวตัวเอง ทำลายยุ้งฉางแหล่งผลิตอาหารของเราทุกคนไปเลย อย่าลืมว่าหากปล่อยให้หมูต่างถิ่นเข้ามาเบียดเบียนจนเกษตรกรไทยอยู่ไม่ได้ ประชาชนต้องพึ่งพาเนื้อหมูจากประเทศอื่นนั้นไม่ต่างอะไรกับประเทศที่ไม่มีแหล่งผลิตอาหารของตนเอง หากเกิดเหตุสุดวิสัยประเทศต้นทางยุติการส่งออก ไทยจะขาดแคลนเนื้อหมูทันที นี่จึงเป็นความเสี่ยงที่ป้องกันได้ เพียงดูแลเกษตรกรให้ดี
ขณะที่ ทุก ๆ ประเทศล้วนปกป้องเกษตรกรของเขา เพราะเป็นผู้ผลิตอาหารป้อนคนทั้งประเทศ บางประเทศถึงกับไม่ให้มีการนำเข้าเนื้อสัตว์ที่มีราคาต่ำกว่าเข้ามาขาย เช่นครั้งหนึ่งที่สหรัฐอเมริกาฟ้องร้องกุ้งไทยที่เข้าไปทุ่มตลาดกุ้ง ขายราคาต่ำกว่ากุ้งสหรัฐฯ เป็นตัวอย่างให้เห็นว่า แม้แต่มหาอำนาจยังให้ความสำคัญกับเกษตรกรของเขาอย่างยิ่ง
หมูเถื่อนจากประเทศแถบอเมริกาใต้และยุโรป ถูกมิจฉาชีพที่มีทั้ง ชิปปิ้ง บริษัทนำเข้า เจ้าหน้าที่รัฐ และนักการเมือง สมรู้ร่วมคิดกันทำเป็นขบวนการ แล้วลำเลียงหมูเถื่อนเข้าสู่ประเทศไทยมานานกว่า 2 ปี เป็นจำนวนมหาศาลถึงกว่า 7 ล้านกิโลกรัม กลุ่มเกษตรกรต้องต่อสู้เรียกร้องและขอให้รัฐช่วยเหลือ ขณะที่สองนายกรัฐมนตรีทั้งท่านประยุทธ์ จันทร์โอชา และท่านเศรษฐา ทวีสิน ต่างก็กระตือรือล้นช่วยแก้ปัญหา แม้ปัจจุบันคดีจะค้างเติ่งอยู่ที่ ป.ป.ช. ยังไม่สามารถสาวถึงต้นตอได้ แต่อย่างน้อยก็เห็นได้ว่าปริมาณหมูเถื่อนลดลง และคนไทยก็รับรู้ถึงความเลวร้ายของหมูเถื่อนที่กระทบชีวิตเกษตรกร กระทบสุขภาพผู้บริโภค และทำลายเศรษฐกิจชาติ
น่าแปลกที่มีรัฐมนตรีบางท่านในรัฐบาลมีแนวคิดสวนทางสิ่งที่ควรจะเป็น ตั้งท่าแก้ปัญหาราคาหมูด้วยการจะทำให้ “หมูเถื่อน” กลายเป็น “หมูถูก (กฎหมาย)” ต่อให้อ้างว่าเพื่อให้ผู้บริโภคได้กินหมูราคาถูกก็ฟังไม่ขึ้น
บทความโดย : ปิติ ปัฐวิกรณ์ นักวิชาการอิสระด้านปศุสัตว์