พาณิชย์ งัดไม้แข็ง 1.1 หมื่นบริษัทไม่ส่งงบการเงิน ขีดชื่อทิ้ง-เขี่ยพ้นสภาพ

25 ก.ย. 2567 | 03:16 น.
อัปเดตล่าสุด :25 ก.ย. 2567 | 03:47 น.

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ออกประกาศเตรียมขีดชื่อนิติบุคคลออกจากทะเบียนจำนวน 11,515 รายให้มีสถานะ ‘ร้าง’ สาเหตุหลักคือไม่นำส่งงบการเงินติดต่อกันนาน 3 ปี มีสูงถึง 8,420 ราย ปิดกั้นมิจฉาชีพนำข้อมูลเท็จไปหลอกลวงหรือหาประโยชน์จากประชาชน

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้า จะออกประกาศสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร 2 ฉบับ (ลงวันที่ 2 กันยายน และ 16 กันยายน 2567 ) เรื่อง จะขีดชื่อห้างหุ้นส่วนบริษัทออกจากทะเบียนจำนวน 11,515 ราย โดยเป็นนิติบุคคลที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร 2 กรณี คือ 

  • ไม่ส่งงบการเงินติดต่อกันนาน 3 ปี นับจากปีปัจจุบันย้อนหลังลงไป ซึ่งเป็นเหตุให้เชื่อว่าไม่ได้ทำการค้าขายหรือ ไม่ดำเนินธุรกิจแล้ว มีจำนวน 8,420 ราย 
  • จดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนบริษัทแล้วแต่ไม่มีตัวผู้ชำระบัญชีทำการอยู่ หรือไม่ได้จัดทำรายงานการชำระบัญชี หรือไม่ยื่นจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีต่อนายทะเบียนภายในระยะเวลา 3 ปี นับแต่เลิกห้างหุ้นส่วนบริษัท มีอยู่จำนวน 3,095 ราย สำหรับนิติบุคคลที่ตั้งอยู่ในต่างจังหวัด กรมฯ ได้ประสานสำนักงานพาณิชย์จังหวัดให้เร่งตรวจสอบก่อนดำเนินการแบบเดียวกัน

นางอรมน กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้กรมฯ ได้ประกาศรายชื่อนิติบุคคลที่จะทำการขีดชื่อผ่านทางเว็บไซต์ www.dbd.go.th หัวข้อคู่มือทำธุรกิจ เลือกบริการข้อมูล เลือกจดทะเบียนธุรกิจ และเลือกประกาศถอนทะเบียนร้างและคืนสู่ทะเบียน 

นางอรมน  ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์

ทั้งนี้ นิติบุคคลที่มีรายชื่อตามประกาศสามารถยื่นคำร้องชี้แจงต่อนายทะเบียนได้ภายใน 90 วันนับแต่วันที่ออกประกาศ หากพ้นระยะเวลาที่กำหนด จะถูกขีดชื่อออกจากทะเบียนและสิ้นสภาพนิติบุคคลทันที เว้นแต่จะแสดงเหตุให้เห็นเป็นอย่างอื่น 

ขณะเดียวกัน เมื่อนิติบุคคลถูกเปลี่ยนเป็นสถานะร้างแล้ว จะไม่สามารถทำนิติกรรมใดๆ ได้อีกต่อไป แต่ความรับผิดของหุ้นส่วนผู้จัดการ ผู้เป็นหุ้นส่วน กรรมการ ผู้จัดการ และผู้ถือหุ้นยังคงมีอยู่และพึงเรียกบังคับได้ ซึ่งนิติบุคคลอาจคืนสู่ทะเบียนได้โดยการร้องขอต่อศาลภายใน 10 ปี นับแต่วันที่นายทะเบียนขีดชื่อออกจากทะเบียน

ทั้งนี้ กรมฯ ขอกำชับให้ปฏิบัติอย่างถูกต้องตามกฎหมายเพื่อร่วมสร้างธุรกิจไทยให้มีความน่าเชื่อถือและมีข้อมูลทางการเงินที่ถูกต้องครบถ้วนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ และขอเตือนนิติบุคคลให้ปฏิบัติอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อลดภาระในการดำเนินธุรกิจทั้งการเสียเวลา ค่าใช้จ่าย และค่าปรับต่างๆ เพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ดีด้านความโปร่งใสในการทำธุรกิจของประเทศไทย

อย่างไรก็ดี ถึงการปรับปรุงฐานข้อมูลนิติบุคคลที่ไม่มีสถานะในการทำธุรกิจแล้วให้เป็นปัจจุบันทุกปี จะช่วยตัดวงจรของการนำข้อมูลนิติบุคคลที่ไม่ได้มีความเคลื่อนไหวทางธุรกิจ หรือนำชื่อไปแอบอ้างหลอกลวงประชาชนของกลุ่มมิจฉาชีพ