สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า รายงานว่า สถานการณ์ธุรกิจโลจิสติกส์ไทยถึงการเปิดปิดกิจการโลจิสติกส์ เดือนสิงหาคม 2567 ปัจจุบันธุรกิจโลจิสติกส์มีจำนวนนิติบุคคคลรวม 44,007 ราย โดยเปิดกิจการใหม่ 275 ราย ลดลง 16.4% และปิดกิจการ 116 รายเพิ่มขึ้น 33.3% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ ธุรกิจโลจิสติกส์ที่น่าจับตามอง คือ การขนส่งและขนถ่ายสินค้า รวมถึงคนโดยสาร ซึ่งมีการเปิดกิจการใหม่ จำนวน 124 ราย คิดเป็น 45.09% ของกิจการเปิดใหม่ทั้งหมด โดยธุรกิจที่มีสัดส่วนทารเปิดกิจการใหม่รองลงมา คือ การขนส่งสินค้าอื่น ๆ ทางถนน และกิจกรรมตัวแทนรับจัดการส่งสินค้าและตัวแทนออกของ (ตัวแทนดำเนินพิธีการศุลกากร)
ขณะที่ การลงทุนจากต่างประเทศในธรกิจโลจิสติกส์ เดือนสิงหาคม 2567 มีมูลค่า 39,283.79 ล้านบาท คิดเป็น 47.64% ของการลงทุนในกลุ่มโลจิสติกส์ในประเทศไทย สัญชาติที่มีการลงทุนมากที่สุด ได้แก่ จีน เนเธอร์แลนด์ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และฮ่องกง
สำหรับธุรกิจที่ต่างชาติเข้ามามาลงทุนมากที่สุด ได้แก่ กิจกรรมการดำเนินงานเกี่ยวกับสิ่งอำนวยความสะดวกของท่าเรือ (ยกเว้นการขนถ่ายสินค้า) คิดเป็น 72.11% ของการลงทุนจากต่างชาติในกลุ่มโลจิสติกส์ใบประเทศไทย สำหรับประเด็นที่น่าสนใจคือโอกาสและความท้าทายในการค้าระหว่างประเทศของไทยขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มปริมาณกระทรวงพาณิชย์
สนค. รายงานเพิ่มเติมว่า การส่งออกการขนส่งสินค้าและการขยายตัวของเส้นทางการบินของไทยในเดือนสิงหาคม 2567 ขยายตัว 7.0% เมื่อเทียบกับโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในภาคการส่งออกที่เติบโตอย่างรวดเร็วช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และมีมูลค่าถึง 26,182.3 ล้านแต่การขนส่งสินค้าทางอากาศยังไม่เพียงพอ
ทั้งนี้ ข้อมูลจากแคชบอร์ดธุรกิจบริการสินค้าค้างที่สนามบินธากา จึงอาจเป็นโอกาสสำหรับโลจิสติกส์ของ สนค. ชี้ให้เห็นว่า มูลค่าการค้าระหว่างประเทศผู้ประกอบการขนส่งสินค้าทางอากาศ นอกจากนั้นของไทยโดยรวมทั้งการนำเข้าและการส่งออก ในเดือนสิงหาคม 2567 ขยายตัวจากช่วงเดียวกัน สินค้าเส้นทางจีน-จิตตะกอง ซึ่งเพิ่มความรวดเร็วของปีก่อน 14.02% โดยการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศในการขนส่งสินค้าระหว่างจีนและบังกลาเทศ
ขณะที่ ในส่วนของมีมูลค่าสูงขึ้นในทุกประเภทการขนส่งหลัก และพบว่าการค้าไทย การเร่งผลักดันการเดินเรือขนส่งสินค้าเส้นทางระนอง-จิตตะกอง ก็จะช่วยขยายโอกาสของธุรกิจบริการโลจิสติกส์ อีกทั้งการส่งออกสินค้าจากไทยไปสู่จีนโดยทุกประเภทไทยในตลาดดังกล่าวการขนส่งก็มีมูลค่าขยายตัวขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีสถานการณ์อื่น ๆ ที่เกิดขึ้น อาทิ การเข้าซื้อกิจการโลจิสติก์ ของเยอรมนีโดยบริษัทเดนมาร์ก ในขณะที่ฝั่งสหรัฐอเมริกา อยู่ระหว่างการเจรจาเรื่องการจ้างแรงงานท่าเรือ ระหว่างฝ่ายแรงงานและนายจ้าง ซึ่งหากการเจรจาไม่มีข้อสรุปโดยเร็ว อาจทำให้เกิดการสไตรค์ในท่าเรือและกระทบต่อการนำเข้า ส่งออกสินค้าทางเรือของสหรัฐฯ ได้ ส่วนอินโดนีเซีย ได้ใช้มาตรการจำกัดท่าเรือที่อนุญาตให้นำเข้าสินค้าบางกลุ่ม เช่น เสื้อผ้าสำเร็จรูปและเซรามิก ให้นำเข้าได้เฉพาะท่าเรือทาง ตะวันออกของอินโดนีเซีย เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ การขนส่งสินค้าระหว่างอินโดนีเซียจึงควรพิจารณาวางแผนอย่างเหมาะสม
ทั้งนี้ ธุรกิจโลจิสติกส์ด้านการขนส่งทางถนน เช่น ธุรกิจขนส่งและขนถ่ายสินค้ารวมถึงคนโดยสาร ธุรกิจขนส่งผู้โดยสารด้วยรถประจำทาง และรถรับจ้างและธุรกิจขนส่งสินค้าที่บรรจุในตู้คอนเทนเนอร์ทางถนน เป็นกลุ่มธุรกิจด้านโลจิสติกส์ที่สำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ เนื่องจากมีสัดส่วนของจำนวนธุรกิจที่สูง
โดย ปี 2566 มีจำนวนนิติบุคคลของธุรกิจด้านการขนส่งทางถนนสะสม จำนวน 28,343 ราย คิดเป็น 69.82% ของจำนวนนิติบุคคลสะสมในกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ทั้งหมดในไทย
สำหรับภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยประจำเดือนสิงหาคม 2567 ภาพรวม 8 เดือนแรกของปี 2567 การส่งออกมีมูลค่า 197,192.8 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 4.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และการนำเข้ามีมูลค่า 203,543.8 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 5.0%
ขณะที่ การค้าระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านในตลาด CLMVมีการขยายตัวต่อเนื่อง โดย 8 เดือนแรกของปี 2567 การส่งออกขยายตัว 9.2% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งการส่งออกจากไทยไปประเทศ CLMV มีสัดส่วนของการขนส่งทางถนนเป็นส่วนสำคัญ โดยมีสัดส่วนอยู่ที่ 41.50% เมื่อเทียบกับการขนส่งทุกประเภท
ขณะเดียวกัน การอุปโภคบริโภคในประเทศขยายตัวในไตรมาส 2 เดือนเมษายน - มิถุนายน ปี 2567 การบริโภคภาครัฐบาลขยายตัว 0.3% และการบริโภค ภาคเอกชนขยายตัวต่อเนื่องที่ 4% อาจส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและการขนส่งทางถนนขยายตัว
นอกจากนี้ การสนับสนุนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐการลงทุนในด้านโครงสร้างพื้นฐาน ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจขนส่งทางถนน เช่น โครงการบูรณะโครงข่ายทางหลวงเชื่อมโยงระหว่างภาคโครงการที่กำลังดำเนินการ เช่น โครงการสะพานมิตรภาพไทย - ลาว แห่งที่ 5 ซึ่งเชื่อมระหว่างจังหวัดบึงกาฬ และแขวงบอลิคำไซของลาว โดยคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในกลางปี 2568 โครงการมีเป้าหมายเพื่อลดระยะเวลาในการขนส่งเชื่อมต่อการขนส่งทางถนนระหว่างไทยและลาวให้มีความสะดวกมากขึ้นและสามารถเชื่อมต่อกับเส้นทางตามแนวระเบียงเศรษฐกิจ ตะวันออก - ตะวันตก (East - West Economic Corridor : EWEC) ไปยังท่าเรือน้ำลึก ที่เมืองหวุงอ๋าง และเมืองดานังประเทศเวียดนาม
สุดท้าย การฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวจำนวนนักท่องเที่ยวในไทยสะสมตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนสิงหาคม 2567 มีจำนวน 232,292,628 คน เพิ่มขึ้น 12.55% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยเป็นชาวไทยจำนวน 179,203,136 คน เพิ่มขึ้น 10.02% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า และเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จำนวน 53,089,492 คน เพิ่มขึ้น 22.0% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งการเพิ่มจำนวนของนักท่องเกี่ยว ช่วยกระตุ้นให้เกิดการเพิ่มปริมาณความต้องการบริโภค การเดินทางภายในประเทศ และการขนส่งทางถนน เช่น ธุรกิจขนส่งนักท่องเที่ยวด้วยรถโดยสารต่าง ๆ