สงครามตะวันออกกลาง หนุนส่งออกทูน่ากระป๋องโต 20.73% โกย 6.5 หมื่นล้าน

01 พ.ย. 2567 | 04:45 น.
อัปเดตล่าสุด :01 พ.ย. 2567 | 05:10 น.

สนค. เผย ส่งออกทูน่ากระป๋องแนวโน้มตลาดสดใส 9 เดือนปี 67 โต 20.73% สร้างมูลค่า 6.5 หมื่นล้าน จับตายอดตะวันออกกลางโตแรงจากปัจจัยสงคราม พาณิชย์มั่นใจไทยยังครองแชมป์ผู้นำตลาดทูน่ากระป๋องโลก

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยสถิติ การส่งออกทูน่ากระป๋อง ของไทย ช่วง 9 เดือนแรก (ม.ค. - ก.ย. 2567) ของปี 2567 มีมูลค่ารวม 1,851 ล้านดอลลาร์ ประมาณ 65,984 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.73% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า การส่งออกขยายตัวในทุกภูมิภาค โดยเฉพาะในภูมิภาคอเมริกา เอเชีย ตะวันออกกลาง และแอฟริกา เรียงตามลำดับมูลค่าการส่งออกในช่วง 9 เดือนแรก ดังนี้ 

ภูมิภาคอเมริกา มีมูลค่าการส่งออก 632 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 17.90% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ปัจจัยสำคัญมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และแคนาดา ตลาดส่งออกหลักของไทยในภูมิภาคนี้ ได้แก่ 

  • สหรัฐอเมริกา 402.39 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 15.41% 
  • แคนาดา 102.43 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 40.57% 
  • ชิลี 47.48 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 6.01%

ภูมิภาคเอเชียและตะวันออกกลาง มีมูลค่าการส่งออก 618 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 14.98% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยเฉพาะในตะวันออกกลางที่มูลค่าการส่งออกขยายตัว 38.97% โดยแรงหนุนที่ทำให้ดีมานด์ในตะวันออกกลางขยายตัว มาจากความกังวลต่อสถานการณ์สงคราม จึงกักตุนสินค้ามากขึ้น โดยเฉพาะ

  • อิสราเอล ขยายตัว 103.43%
  • เลบานอน ขยายตัว 72.97%
  • อิรัก ขยายตัว 110.31% 

 

สงครามตะวันออกกลาง หนุนส่งออกทูน่ากระป๋องโต 20.73% โกย 6.5 หมื่นล้าน

ภูมิภาคเอเชีย ญี่ปุ่นยังคงนำเข้าทูน่าในปริมาณสูง แต่ด้วยปัญหาการแข็งค่าของเงินเยน ทำให้มูลค่าการส่งออกลดลง  

ทั้งนี้ ตลาดส่งออกสำคัญของไทยในภูมิภาคเอเชียและตะวันออกกลาง ได้แก่ 

  • ญี่ปุ่น 168.15 ล้านดอลลาร์ หดตัว 17.88%
  • ซาอุดีอาระเบีย 110.91 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 4.79% 
  • สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 100.91 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 55.30%

ภูมิภาคแอฟริกา มีมูลค่าการส่งออก 247 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 29.87% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า มีแรงกระตุ้นจากปัญหาความไม่มั่นคงทางอาหาร และสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมืองของภูมิภาคนี้ ตลาดสำคัญในภูมิภาคนี้ ได้แก่

  • ลิเบีย 124.62 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 12.62%
  • อียิปต์ 75.97 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 106.17%
  • แอฟริกาใต้ 28.87 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 61.04%

ภูมิภาคออสเตรเลียและโอเชียเนีย มีมูลค่าการส่งออก 184 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 22.58% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า มีปัจจัยหนุนจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคที่หันมาบริโภคอาหารพร้อมรับประทานมากขึ้น ตลาดส่งออกหลักในภูมิภาคนี้ ได้แก่ 

  • ออสเตรเลีย 146.92 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 18.81% 
  • นิวซีแลนด์ 23.02 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 31.50% 
  • ปาปัวนิวกินี 7.59 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 186.86%

 

สงครามตะวันออกกลาง หนุนส่งออกทูน่ากระป๋องโต 20.73% โกย 6.5 หมื่นล้าน

ภูมิภาคยุโรป มีมูลค่าการส่งออก 170 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 42.48% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนหน้า ปัจจัยหลักมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรป รวมถึงการกักตุนอาหารกระป๋องจากสถานการณ์ความไม่แน่นอนระหว่างประเทศและภาวะสงครามที่ยืดเยื้อ โดยเฉพาะยูเครน ขยายตัว 72.81% โดยมีตลาดส่งออกหลักในภูมิภาคนี้ ได้แก่ 

  • สวิตเซอร์แลนด์ 30.92 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 42.98% 
  • รัสเซีย 26.82 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 19.70% 
  • สหราชอาณาจักร 26.76 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว 66.54%

นายพูนพงษ์ กล่าวว่า ไทยครองตำแหน่งผู้นำตลาดทูน่ากระป๋องมาอย่างยาวนาน มีปัจจัยสนับสนุนให้การส่งออกขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง อาทิ ค่าแรงที่แข่งขันได้ และการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาปรับใช้ในอุตสาหกรรม ทำให้ไทยสามารถพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการผลิตของสินค้าทูน่ากระป๋องจนได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ด้วยยอดสั่งซื้อสินค้าที่ไทยเป็นผู้นำตลาดทูน่ากระป๋องมาอย่างต่อเนื่อง 

ทั้งนี้ ปัจจุบัน อุตสาหกรรมทูน่ากระป๋องของไทยยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศคู่ค้าสำคัญ เช่น สหรัฐฯ ยุโรป และออสเตรเลีย รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับความสะดวกสบาย ราคาย่อมเยา แต่ยังคงใส่ใจต่อสุขภาพ ประกอบกับการเติบโตของอีคอมเมิร์ซ และกระแสความกังวลสถานการณ์สงคราม ทำให้สินค้าทูน่ากระป๋องตอบโจทย์วิถีชีวิตในปัจจุบันและสถานการณ์โลก 

 

สงครามตะวันออกกลาง หนุนส่งออกทูน่ากระป๋องโต 20.73% โกย 6.5 หมื่นล้าน

 

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยสนับสนุนที่มีนัยสำคัญ คือ การขยายตัวของการส่งออกสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยง ซึ่งไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารสุนัขและแมวอันดับต้น ๆ ของโลก และส่วนใหญ่เป็นอาหารเปียกที่ทำจากปลาต่าง ๆ รวมถึงทูน่า ทำให้ไทยมีการนำเข้าปลาทูน่าเป็นปริมาณมากในแต่ละปี ไทยจึงเป็นผู้เล่นที่มีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานทูน่าโลก 

ขณะเดียวกัน ในช่วงต่อไป อุตสาหกรรมทูน่ากระป๋องยังต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม อาทิ ภาวะเงินเฟ้อและการแข็งค่าของเงินบาทที่กระทบกำลังซื้อและการส่งออก การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ทำให้ปริมาณปลาทูน่าลดลงและส่งผลต่อต้นทุนการผลิต ตลอดจนมาตรการด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม เช่น การทำประมงอย่างยั่งยืน และมาตรการด้านแรงงาน  

อย่างไรก็ตาม เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัว เตรียมแผนรองรับสถานการณ์ความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้น โดยรักษาคุณภาพมาตรฐานสินค้า ใช้นวัตกรรมสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในสินค้าทูน่ากระป๋องของไทย อันจะนำมาซึ่งโอกาสในการขยายตลาดทูน่ากระป๋องของไทยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน