ทั้งคู่เป็นเพื่อนต่างวัยที่เคมีเข้ากันสุดๆ ในเรื่องการกิน และเมื่อมาจับมือกันทำธุรกิจ ก็กลายเป็นคู่ดูโอที่ไปด้วยกันได้ดี เพราะคนหนึ่งจะคิดไวทำไว กล้าได้กล้าเสีย อีกคนจะระมัดระวัง คิดละเอียดกับการลงทุนและการเดินหน้าธุรกิจ “เกศ” จึงนั่งทำหน้าที่เป็น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท รวยไม่หยุด บริหารร้าน ส่วน “แนท” ดูเรื่องหลังบ้าน ทำร้าน ดีไซน์ร้าน และคุมเงิน
“เกศ” เล่าว่า เธอเป็นเด็กสยามตัวจริงๆ ที่เดินไปเดินมาอยู่แถวสยาม จนมองเห็นช่องทางการทำธุรกิจ ซึ่งที่ผ่านมา ก่อนเริ่ม Nice 2 Meat U ร้านปิ้งย่างเกาหลี และ Fire Tiger ชานมเสือพ่นไฟ เธอทำธุรกิจมาแล้ว 8 ธุรกิจ ซึ่งก็อยู่แถวสยามสแควร์นี่แหละ จนมาค้นพบว่า การใช้ Passion ที่ตรงกับจริตของตัวเอง คือ ทางเลือกในการทำธุรกิจที่ดีที่สุด และความปังของ Nice 2 Meat U ก็พิสูจน์ให้เธอ และ “แนท” เห็นว่า แนวคิดนี้ ถูกต้องและไปได้ดีจริงๆ
“จุดที่ซื้อแฟรนไชส์ Nice 2 Meat U เลย คือ ชื่อแบรนด์ คนจำได้ มีกิมมิก วิธีการปิ้งหมู มีสตอรี่ และเริ่มสาขาแรกที่สยามสแควร์ เอามาโลคัลไลซ์ให้รสชาติถูกปากคนไทยให้มากที่สุด ทำให้แซ่บ ปรับหน้าตาให้จัดจ้าน และยังสร้างน้ำจิ้มขึ้นมาอีกเกือบ 10 อย่าง”
2 ผู้บริหารเล่าว่า ร้านอาหาร หัวใจคือ การบริการ ทำให้ดีที่สุด รสชาติอาหารต้องถูกปากคนส่วนมาก ต้องรักษาคุณภาพ และที่ขาดไม่ได้คือ ต้องซื่อสัตย์กับลูกค้า ไม่ลดคุณภาพ คุณภาพต้องเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ...“แนท” บอกว่า ที่ร้านให้ความสำคัญกับการบริการที่โดดเด่น เราอยากให้เขากลับมาซ้ำ การที่จะเอาลูกค้าเข้ามาหนึ่งครั้งไม่ใช่เรื่องยาก แต่การที่จะทำให้เขากลับมานี่คือสิ่งสำคัญ จะทำอย่างไรให้เขากลับมา
จากความสำเร็จของ Nice 2 Meat U “เกศ” และ “แนท” เริ่มเห็นช่องทางธุรกิจต่อเนื่อง จากความต้องการของลูกค้าที่ถามหาของหวาน จึงเป็นที่มาของการขยายสู่ร้านกาแฟ ในชื่อ Seoulcial Club และในที่สุดก็ปร้บมาเป็น “Fire Tiger ชานมเสือพ่นไฟ” ที่เด็กสยามรู้จักกันดี และกลายเป็นร้านดังที่ทำให้เกิดการลอกเลียนแบบมากมาย
“เกศ” เปรยขำๆ ว่า ขนาดจดลิขสิทธิ์ทุกอย่าง ยังมีคนเอาไปลอกเลียนแบบเลย...เรื่องนี้ต้องย้อนไปถึงไอเดียในการบริหารธุรกิจของสองสาว ที่ให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียด หากทดลองเปิดให้บริการแล้วไม่ใช่ ก็ต้องรีบปรับ เช่นเดียวกับ Seoulcial Club ที่เปิดมาแล้วไม่ใช่ กาแฟไม่ใช่จุดขาย ก็ปรับมาเป็นชานม แล้วเติมไปด้วยไอเดียการตกแต่งร้าน สร้างกิมมิก...เราทำ ชานมที่เหมือนขนมหวาน เป็น Dessert in The Cups ชานม ไข่มุก ที่ทำท็อปปิ้งเยอะๆ ครันชี่กรอบๆ ขาย 150 อิ่มจุก แน่นอน ...ปรากฎว่าเกินความคาดหมาย...แถมด้วยร้านที่กลายเป็น “Instagrammable”
ทั้งคู่ยอมรับว่า เป็น “สายมู” ที่ทำอะไรต้องมีซินแสดู แม้กระทั่งเบอร์โทรเราก็สวย ในร้าน ต้องมีอะไรซักอย่างที่คนจดจำได้ ต้องมีสัตว์ซักตัว เราก็นึก สุดท้ายมาลงที่เสือ เป็นสัตว์มงคล การทำแบรนดิ้งก็ง่าย พอมาทำลายเสือ มันง่าย เป็นสือพ่นไฟด้วย พอเปิด ก็ดีเกินเหตุ
“การทำอะไร เน้นแค่โปรดักต์อย่างเดียวไม่ได้ เราต้องเน้น ทั้ง รูป รส กลิ่น เสียง การทำโน้นนี่ คนต้องจดจำเราได้ ไม่ใช่แค่เรื่องโปรดักต์ จึงมีการระดมสมอง คีออทที่ทำออกมา ต้องไม่ใช่แค่กล่องสี่เหลี่ยมเฉยๆ น่าเบื่อ...เราชื่อเสือพ่นไฟ เราต้องเป็นกรงเสือ และมีกิมมิกคือการยื่นโปรดักต์ ต้องออกจากปากเสือเท่านั้น เป็นประติมากรรม ที่เราจดลิขสิทธิ์ เป็นแห่งแรกของโลก”
ความละเอียดในการคิดหากิมมิก และปรับเปลี่ยนตัวเองอยู่เสมอ คือสิ่งสำคัญที่กลายเป็น Key Success ให้กับธุรกิจ รวมถึงการต่อยอดไปสู่ธุรกิจอื่นๆ ซึ่งตอนนี้ รวยไม่หยุด กลายเป็นกรุ๊ปธุรกิจ ที่มีทั้ง บริษัท รวยไม่หยุด จำกัด บริหารร้าน “Nice 2 Meat u” มี 11 สาขา และ Nice 2 Sea U 1 สาขา แถมด้วย Happy Pig ที่ะจเปิดประมาณต้นปีหน้า บริษัท รวยสบายสบาย จำกัด บริหารแบรนด์ชานม “Fire Tiger” มี 17 สาขาทั้งไทย และต่างประเทศ รวมทั้ง E Bomb อีก 1 สาขา บริษัท รวยปังปัง จำกัด บริหารร้าน Mil Toast House 3 สาขา และจะเปิดอีก 3 สาขาในปีนี้ และบริษัท รวยแสนล้าน ตำลึงทอง จำกัด บริหารแบรนด์ต้าถัง ฮอทพอต 1 สาขา พร้อมเตรียมเปิดแบรนด์ใหม่นำเข้าจากเกาหลีใต้อีก 3แบรนด์ เริ่มจาก Dalmatian สไตล์ Korean Brunch & Dessert Bar ในเดือนตุลาคม 2565
“ทำไมเราถึงเปิดหลายแบรนด์ เราเรียนรู้ที่ต้องสร้างความหลากหลาย เราต้อง Diversify ณ ปัจจุบันโลกมันหมุนเร็วมาก ไซเคิลของร้านอาหารมันสั้นลงเยอะ คนเจนใหม่ก็เบื่อเร็วมาก อยากมีอะไรใหม่ๆ ให้เขาตื่นเต้นได้เรื่อยๆ แบรนด์ที่มาจากต่างประเทศคือสิ่งที่เขาสนใจ ตอนนี้เราเลยเน้นไปที่ซื้อแฟรนไชส์เข้ามาก่อน”
ปีนี้และปีหน้า นอกจากการขยายแบรนด์ และเพิ่มสาขาธุรกิจอาหารในเครือแล้ว สิ่งที่เร่งดำเนินการคือ การจัดโครงสร้างองค์กร สร้างทีมให้แข็งแกร่ง Empower พนักงาน เพื่อรองรับการขยายตัว และการนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ
แม้ช่วงนี้ “เกศ” จะขยายแฟรนไชส์แบรนด์ต่างชาติมากมาย แต่ “เกศ” บอกเลยว่า
“เสือพ่นไฟ” คือ ความภูมิใจ ที่สามารถสร้างแบรนด์ไทยให้เป็นรู้จัก และไปต่างประเทศได้ และเธอก็มีความคิดที่จะสร้างแบรนด์ไทยอื่นๆ ขึ้นมาอีกแน่นอน ด้วยเป้าหมายคือ การสร้างกรุ๊ปธุรกิจอาหารของคนไทย ที่ขึ้นไปอยู่ในระดับ Top 3 และเป็น Top of Mind ของคนรักการกินทุกคน
หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 42 ฉบับที่ 3,820 วันที่ 22 - 24 กันยายน พ.ศ. 2565