โครงการใหญ่ล่าสุด ที่เป็นข่าวโด่งดัง ก็คือ โครงการบริหารและดำเนินกิจการท่อส่งนํ้าสายหลักในภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่ “อนุฤทธิ์ เกิดสินธ์ชัย” กรรมการผู้จัดการบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด เล่าว่า เพิ่งเซ็นสัญญาสัมปทานกับกรมธนารักษ์เจ้าของโครงการ ไปเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2565 และกรมธนารักษ์กำลังดำเนินการส่งมอบทรัพย์สินให้วงษ์สยามฯ เข้าไปบริหาร ด้วยอายุสัมปทาน 30 ปี จ่ายผลตอบแทนให้กรมธนารักษ์ปีละ 850 ล้านบาท
ความน่าสนใจของธุรกิจของวงษ์สยามฯ คือ ตลอดระยะเวลากว่า 8 ปี คือระหว่างปี2558-2565 วงษ์สยามฯ เป็นคู่สัญญากับหน่วยงานรัฐมาตลอด โดยเฉพาะการประปาส่วนภูมิภาค ซึ่งหากย้อนดูเส้นทางการทำ ธุรกิจของวงษ์สยามฯ ก็ต้องยอมรับว่า วงษ์สยามฯ ทำงานร่วมกับการประปามานาน โดยเริ่มทำงานก่อสร้างกับภาครัฐมาตั้งแต่ปี 2519
กรรมการผู้จัดการ วงษ์สยามฯ เล่าว่า ครอบครัวทำธุรกิจก่อสร้างมาตั้งแต่รุ่นคุณพ่อส่วนตัวเองเข้ามาเริ่มคลุกคลี ช่วยธุรกิจครอบครัวมาตลอดเรียนรู้และซึมซับการทำงานจากการสอนของพ่อ รวมทั้งการ เรียนรู้ด้วยตัวเอง และเมื่อมีโอกาสได้จับงานแรกกับโครงการของการประปา ก็สามารถทำโครงการได้เสร็จก่อนกำหนดถึง 2 ปี จึงเป็นที่ยอมรับของการประปามาตลอด
“การทำงานกับภาครัฐในสไตล์ผม แตกต่างจากคนอื่น คนอื่นจะเอาใจทุกอย่าง แต่ผมทำธุรกิจตรงไปตรงมา เราทำถูกสเปค เราไม่ได้โกง ใครจะมากลั่นแกล้งเราไม่ยอม นี่คือ จุดแข็งของผม ราชการที่ทำงาน ร่วมกันประจำจะเห็นจุดนี้ เห็นความตั้งใจในการทำงานของเรา ก็จะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ถ้าบริษัทนี้ทำงาน ไม่ต้องห่วง นี่คือ เสียงสะท้อนที่ได้รับจากราชการ และนี่คือ รางวัลในชีวิต เป็นกำลังใจ และทำให้เรายิ่งต้องตั้งใจทำงานมากขึ้น”
อีกหนึ่งเทคนิคสำคัญ ที่ทำให้การดำเนินธุรกิจก่อสร้างของวงษ์สยามฯ ได้รับการยอมรับ คือ การให้ความสำคัญอย่างมากกับขั้นตอนของการถอดแบบ
เพราะถ้าผิดแบบ มันจะมีปัญหา ดังนั้น ต้องดูแบบโครงสร้าง แบบสถาปัตย์ ต้องดูให้ตรง ไม่ตรงต้องปรึกษา...ผมก็จะสอนลูกน้อง ให้ดูแบบ จนสามารถมองได้หมดว่า โครง สร้างทั้งโครงการเป็นอย่างไร แล้วถึงจะเริ่มลงมือทำงาน
วงษ์สยามฯ เติบโตต่อเนื่องมาตลอด ปี 2564 เติบโตกว่า 500% โตทั้งจากผลประกอบการที่ดี และการเข้ามาของโครงการใหม่ๆ การบริหารจัดการที่ดี ทำให้วงษ์สยามฯ สามารถสร้างรายได้เติบโตจาก 500-600 กว่าล้านบาท ขึ้นมาเป็น2,000 กว่าล้านบาท และปีหน้าจะมี รายได้จากโครงการที่บริหารจัดการอีก 2,000 กว่าล้านบาท
“อนุฤทธิ์” บอกว่า ความสำเร็จทุกวันนี้ เกิดจากสิ่งที่ยึดมั่นเป็นหลัก คือ“สมอง”...สมองต้องโล่ง และต้องออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ ก็จะทำให้ความคิดดีๆ ไหลเข้ามาในสมองเอง คิดอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ ได้ และอย่าไปคิดมาก อะไรที่เสียไปแล้วก็ทิ้งไป อย่าไปคิดมาก เพราะมันไม่ได้กลับมา คิดซะว่า วันแรกเรามาจากศูนย์
ตอนนี้วงษ์สยามฯ มีงานโปรเจ็กต์ในมือที่กำลังทำอยู่หลายงาน และยังมีโครงการที่เตรียมเข้าประมูลอีก 2-3 งาน แต่ “อนุฤทธิ์” กลับบอกว่า ตอนนี้เขาไม่ได้วิ่งหางานแล้ว เพราะอยากจะถอย ให้มืออาชีพ หรือทายาทเข้ามาดูแลต่อ โดยเขา มีแผนนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ประมาณต้นปี 2567 หลังจากนั้น เขาจะถอยออกมาทำหน้าที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งที่ผ่านมาใช้งบลงทุนกว่าพันล้านบาท กับการลงทุนระบบเทคโนโลยีหลังบ้าน ทำให้การทำงานเป็นระบบ สามารถติดตามงานได้สะดวก
“ผมจะอยู่กับที่ จะเริ่มถอยหลัง เราต้องหากำไรชีวิตของตัวเอง บางทีคนทำงานเยอะแยะ แต่ไม่มีเวลาใช้เงิน ผมคิดเรื่องธุรกิจเป็นรอง ความสุขของเราเป็นหลัก อายุเราก็มากแล้ว เราก็จะถอยไปเรื่อย ยกเว้นงานมันจะวิ่งเข้ามาเอง แต่เราไม่ไปวิ่งหาอะไรใหม่ๆ แล้ว”
นี่คือกลไกความคิดในการทำธุรกิจของเจ้าของธุรกิจ “วงษ์สยามก่อสร้าง” ที่รู้จักการสร้างธุรกิจ ทำจนประสบความสำเร็จ และรู้จักพอเพียง เพื่อดูแลความสุขของตัวเอง แทนที่จะวิ่งไขว่คว้าแบบไม่จบสิ้น