ต้นปี พ.ศ.2565 บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ได้ขุนพลมือดี “อุเทน โลหชิตพิทักษ์” เข้ามานั่งทำหน้าที่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ตลอดช่วงปีครึ่งที่ผ่านมา ทำให้เห็นความเคลื่อนไหวมากมายจากพฤกษา จนอดไม่ได้ที่ “ซีอีโอ โฟกัส” ต้องไปตามติด ขอพูดคุยถึงแนวคิดที่น่าสนใจของผู้นำคนนี้
“อุเทน” เล่าให้ฟังว่า เคยทำงานในสถาบันการเงิน ที่ธนาคารดีบีเอส และยังเคยทำงานในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กับบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย จํากัด (มหาชน) ทั้งด้านการลงทุน ด้านกลยุทธ์และความยั่งยืน การเข้ามาร่วมงานกับพฤกษาครั้งนี้ ถือเป็นการรับลูกต่อจาก คุณทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ที่ลาออกจากตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม และประธานกรรมการบริหารของบริษัทฯ
พฤกษาที่ผ่านมา ทำธุรกิจสร้างบ้านมา 30 ปี มีสถานะเป็นหนึ่งในผู้นำเชิงนวัตกรรม ที่นำเทคโนโลยี “พรีคาสท์” เข้ามาสร้างความสำเร็จในตลาด และคุณทองมายังผลักดันเรื่อง การทำโรงพยาบาล การดูแลสุขภาพ การที่ “อุเทน” เข้ามา ก็คือ การมาต่อภาพ ทั้งทรัพยากรบุคคลและธุรกิจที่พฤกษาทำมา สร้างให้มีความแข็งแรงมากขึ้น และขยายต่อ จึงออกมาเป็นแนวนโยบาย “อยู่ดี มีสุข” ที่นำเป้าประสงค์ใหม่ต่อยอดให้เกิดความยั่งยืน
“การรับลูกต่อจากคุณทองมา คือ การสร้างความยั่งยืน ในเชิงการบริหารจัดการ การแยกสายงานและบริหารคนให้ชัดเจน ปรับปรุงโครงสร้างขององค์กร”
“อุเทน” ยกตัวอย่างการสปินออฟโรงงานพรีคาสท์ออกไป นั่นคือส่วนหนึ่งของการสร้างความยั่งยืน เพราะเดิมพรีคาสท์ผลิตเพื่อป้อนให้กับโครงการของพฤกษา แต่เมื่อแยกออกมาเป็นธุรกิจ จะสร้างประโยชน์ได้ค่อนข้างเยอะ โดยการผลิตเพื่อจำหน่ายให้กับภายนอกองค์กร เป็นการต่อยอด ซึ่งปัจจุบันมียอดแบ็คล็อก (backlog) แล้วกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งเดิมไม่เคยคิดเหมือนกันว่า จะทำได้ถึงขนาดนี้
ส่วนธุรกิจโรงพยาบาล จากประสบการณ์ที่มี “อุเทน” บอกว่า ไม่ง่าย เพราะเป็นธุรกิจบริการดูแลสุขภาพ ที่ต้องใช้ความรู้อีกแบบหนึ่ง แต่ก็ได้มืออาชีพเข้ามาเสริม ทำให้ธุรกิจเดินหน้าอย่างรวดเร็ว มีการควบรวมกิจการกับโรงพยาบาลเทพธารินทร์ แผน 5 ปี คาดว่าจะเติบโตได้ถึง 2,000 ล้านบาทในปีนี้ จากปีที่แล้วที่มีรายได้ราว 900 ล้านบาท
พฤกษา ตั้งเป้าหมาย 5 ปี ที่จะผลักดันรายได้สู่หลักแสนล้านบาท จากปัจจุบันมีีรายได้อยู่ราว 7.6 หมื่นล้านบาท ด้วยการขยายและต่อยอดธุรกิจผ่านแนวคิดด้านความยั่งยืน ภายใต้คอนเซ็ปท์หลักคือ “อยู่ดี มีสุข” พร้อมทั้งมีความตั้งใจที่จะปรับพอร์ตรายได้ของธุรกิจนัล-เรียลเอสเตทที่มีอยู่ 25% ขึ้นเป็น 50% ในอนาคต
ส่วนเรื่องของสิ่งแวดล้อม “อุเทน” บอกว่า นอกจากเรื่องของพรีคาสท์ ที่สปินออฟออกไปแล้ว ยังมีเรื่องอื่นๆ ที่จะขับเคลื่อนเพื่อเดินหน้าสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ในปี ค.ศ.2050 แต่ทั้งนี้ หัวใจสำคัญ คือ การดำเนินงานทุกคนต้องอยู่ร่วมกันได้ ไม่ใช่คนใดคนหนึ่งต้องแบกรับต้นทุน
แนวทางเหล่านี้เป็นบิซิเนสโมเดลระดับสากล ที่นำมาปรับใช้กับพฤกษา รวมถึงยังมีเรื่องการส่งเสริมสังคม ที่ก่อนหน้านี้ คุณทองมาจะเน้นการบริจาค แต่ปัจจุบันได้มีการปรับเพิ่มส่วนของการให้องค์ความรู้ ส่งเสริมสังคมให้เติบโตเดินหน้าไปด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบองค์กรให้เป็นเรียลเอสเตท เฮลท์แคร์ และได้จัดตั้งหน่วยงานใหม่ๆ เช่น Center Excellent เพื่อสนับสนุนทุกสายงานของพฤกษาให้เดินหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ
พร้อมทั้งเพิ่มศักยภาพและความสามารถของพนักงาน ด้วยการจัดฝึกอบรม จ้างคนที่มีความรู้ด้านต่างๆ มาไว้ที่หน่วยงานกลาง มีการตั้งหน่วยงานด้านการลงทุน และตั้งหน่วยงานกองทุนคอร์ปอเรทเวนเจอร์ ส่งเสริมสตาร์ทอัพ
“ส่วนใหญ่ คืองานเยอะขึ้น แต่ก็ตื่นเต้น และสนุก ที่สำคัญ คือ การสร้างคน สร้างความสนุกสนาน ในขณะที่พนักงานก็ได้สกิลงานเพิ่มขึ้น วิธีการเหล่านี้ทำให้เราเห็นทาเลนท์ เห็นศักยภาพของพนักงาน วันนี้เราไม่ได้ดันแค่คนใน เราส่งเสริม สนับสนุน แต่ถ้าข้างในไม่มี เราก็ดึงคนนอกเข้ามา ย้ายคนเข้ามาทำเรื่องใหม่ๆ เยอะ”
“อุเทน” ทิ้งท้ายว่า การบริหารธุรกิจในยุคนี้ ต้องเน้นเรื่องความมั่นคง ปลอดภัยเป็นสำคัญ ต้องสร้างการเติบโต สร้างกำไรที่ยั่งยืน พฤกษาพร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจใหม่ๆ ที่สอดรับกับธุรกิจหลักคือ อสังหาริมทรัพย์ โดยเปลี่ยนแนวคิดจากการลงทุนเองทั้งหมด มาเป็นการจับมือกับพาร์ทเนอร์ ที่จะช่วยลดความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ
ซีอีโอ พฤกษา ย้ำว่า ที่สำคัญ คือ ทำแล้วทีมงานต้องสนุก ไปฝืนเขาไม่ได้ การ “อยู่ดี มีสุข” คนของพฤกษา ต้องอยู่ดีมีสุขก่อน แล้วจะทำให้เขาเกิดแรงบันดาลใจในการทำงาน พร้อมสร้างงานที่มีประสิทธิภาพ แบบนี้ จึงจะยั่งยืน
หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,902 วันที่ 6 - 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2566