แนวโน้มเศรษฐกิจ 2566 สดใสแค่ไหนในมุมมองของ “ฉัตรชัย ศิริไล”

19 ม.ค. 2566 | 08:56 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ม.ค. 2566 | 09:09 น.

เปิดมุมมองเศรษฐกิจ ปี 2566 สดใสแค่ไหนในมุมมองของ “ฉัตรชัย ศิริไล” กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจโลก ภายใต้คอลัมน์พิเศษ CEO Outlook

ฐานเศรษฐกิจ จัดทำแบบสำรวจความคิดเห็นผู้บริหารระดับสูงหลากหลายธุรกิจที่เป็นฟันเฟืองในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ เพื่อนำเสนอมุมมอง และทิศทางในการดำเนินธุรกิจในปี 2566 รวมไปถึงการประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทย และเศรษฐกิจโลก ภายใต้หัวข้อ CEO Outlook 2023

ล่าสุด “ฉัตรชัย ศิริไล” กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ได้ร่วมนำเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับภาพรวมเศรษฐกิจในปี 2566 โดยประเมินว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจ เริ่มกลับเข้าสู่ภาวะก่อนเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 หลังจากเครื่องยนต์เศรษฐกิจเริ่มกลับมาเดินหน้าได้แล้ว 

โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว หลังจากเริ่มมีนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศต่อเนื่อง เบื้องต้นมองว่า รายได้ที่เข้ามาจากนักท่องเที่ยวจะเข้าไปอัดฉีดกลุ่มผู้มีรายได้น้อย

“ผู้ประกอบการที่ยังอยู่ได้จนถึงปัจจุบัน ไม่ได้ปิดกิจการ หรือยังมีความสามารถในการชำระหนี้อยู่ ถือเป็นกลุ่มที่มีความแข็งแรงแล้ว ส่วนกลุ่มที่อ่อนแอ ที่ต้องปิดธุรกิจลง ส่วนหนึ่งล้มหายตายจากไปในช่วงโควิดแล้ว ดังนั้นจึงประเมินว่า ในปี 2566 นี้ เศรษฐกิจไทยน่าจะกำลังเข้าสู่ช่วงขาขึ้น”

ภาพประกอบข่าว CEO Outlook เศรษฐกิจในมุมมองของ “ฉัตรชัย ศิริไล”

เฝ้าระวังอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น

สัญญาณที่ต้องติดตามใกล้ชิดในปี 2566 นั่นคือ แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น โดยที่ผ่านมา สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประเมินความเสี่ยงเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสำคัญ ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งส่งผลให้ภาวะตลาดการเงินตึงตัว และต้นทุนการกู้ยืมเพิ่มสูงขึ้นจนอาจส่งผลให้เศรษฐกิจชะลอตัวและมีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจของบางประเทศจะเข้าสู่ภาวะถดถอยมากขึ้น 

อย่างไรก็ดี “ฉัตรชัย” ประเมินว่า สถานการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะไม่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยต้องติดตามว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยขึ้นมาถึงจุดสูงสุดแล้วหรือยัง และจากนี้ไปจะเป็นการประครองอัตราดอกเบี้ย แล้วอีกสักระยะหนึ่งก็จะมีการปรับลดลง ภายใต้ปัจจัยบวกที่เข้ามาจากรายได้ของนักท่องเที่ยว

ภาพประกอบข่าว CEO Outlook เศรษฐกิจในมุมมองของ “ฉัตรชัย ศิริไล”

เร่งแก้ปัญหาสามารถในการชำระหนี้

อีกเรื่องที่ต้องติดตามคือ การเข้าไปช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มที่ยังไม่ได้กลับมามีความสามารถในการชำระหนี้ ให้กลับเข้ามามีสถานะปกติ ที่ผ่านมาคณะกรรมการกองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ได้มีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาปรับลดเงินนำส่งเข้ากองทุนพัฒนาระบบสถาบันการเงินเฉพาะกิจ จาก 0.25% เหลือ 0.125% ของยอดเงินฝากที่ได้รับฝากจากประชาชนออกไปอีก  1 ปี จนถึงสิ้นปี 2566 ซึ่งผ่านการเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว

ขั้นตอนจากนี้ ธอส. จึงได้จัดทำมาตรการ 23 ช่วยเหลือลูกค้าที่เป็นหนี้เสีย หรืออยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้ของธนาคาร ที่ยังได้รับผลกระทบด้านรายได้จากปัญหาโควิดโดยให้ได้รับความช่วยเหลือนานสูงสุด 2 ปี ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้ามาตรการผ่านแอพพลิเคชัน GHB ALL BFRIEND ตั้งแต่วันนี้ ถึง 30 มิ.ย.66 โดยเลือกได้ 2 แนวทาง คือ

  1. เลือกผ่อนชำระเริ่มต้น 1,000 บาท คิดดอกเบี้ย 0% ต่อปี นาน 6 เดือน 
  2. เลือกผ่อนชำระเริ่มต้น 1,500 บาท อัตราดอกเบี้ย 0% ต่อปี นาน 9 เดือน 

 

"ยอมรับว่า ในปี 2566 ไม่ได้มีความน่ากังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การชำระหนี้ของลูกค้า เมื่อเทียบกับช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ของธอส.มีความสามารถในการกลับมาชำระหนี้ ตามสถานการณ์เศรษฐกิจที่เริ่มกลับเข้ามาเป็นสัญญาณบวกแล้ว"