น้ำท่วมครั้งใหญ่ในเมืองบาเลนเซียของสเปน สร้างความเสียหายมหาศาล เสียงเตือนจากรัฐมาถึงช้าประชาชนไม่ทันตั้งตัว ท่ามกลางการถกเถียงถึงผลกระทบจากโลกร้อนที่ทวีความรุนแรง ในเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรง มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 158 ราย ในเขตเมืองบาเลนเซีย ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด
ปรากฏการณ์ครั้งนี้เกิดจากฝนตกหนักในระยะเวลาสั้น ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อ "gota fría" หรือ "หยดเย็น" ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ทว่าการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจากภาวะโลกร้อน ทำให้ฝนมีปริมาณมากขึ้นและทวีความรุนแรงเป็นพิเศษ
"Gota fría" (อ่านว่า โกตา ฟรีอา) เป็นคำในภาษาสเปนที่แปลตรงตัวว่า "หยดเย็น" แต่ในทางอุตุนิยมวิทยา คำนี้ใช้เรียกปรากฏการณ์ที่อากาศเย็นจากชั้นบรรยากาศแยกตัวออกจากกระแสลมเจ็ตสตรีม (Jet Stream) แล้วตกลงมาในบริเวณที่มีอากาศอุ่นกว่า ทำให้เกิดฝนตกหนักอย่างฉับพลันและรุนแรง
น้ำท่วมครั้งนี้มาพร้อมกับปริมาณฝนที่ตกมากถึง 320 มิลลิเมตรภายในเวลาเพียง 4 ชั่วโมง ซึ่งสูงกว่าปริมาณเฉลี่ยทั้งเดือนตุลาคมของภูมิภาคบาเลนเซียที่ปกติมีเพียง 77 มิลลิเมตร ส่งผลให้ประชาชนในหลายพื้นที่ถูกน้ำท่วมโดยไม่ทันตั้งตัว หลายคนไม่ได้รับการเตือนล่วงหน้า ซึ่งสร้างความโกรธแค้นให้แก่ผู้รอดชีวิตที่เห็นว่าการขาดการแจ้งเตือนจากทางการทำให้เกิดความสูญเสียที่หลีกเลี่ยงได้
เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นระบุว่าผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากการถูกน้ำซัดขณะพยายามย้ายรถยนต์ไปในที่สูง หรืออยู่ในที่พักที่พื้นล่างของอาคาร เมืองไปปอร์ตา (Paiporta) ในเขตบาเลนเซียเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด และมีผู้เสียชีวิตถึง 62 รายจากจำนวนทั้งหมด
สำหรับผู้รอดชีวิตหลายคนที่ไม่ได้รับการเตือนล่วงหน้า การรอดชีวิตเป็นไปอย่างยากลำบาก โดยเฉพาะครอบครัวหนึ่งที่ต้องลุยน้ำที่สูงถึงระดับอกเพื่อลี้ภัยไปยังอาคารที่สูงกว่าเป็นเวลานานถึง 8 ชั่วโมงก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้ามาช่วยเหลือ อีกหลายครอบครัวต้องพึ่งพาตนเองและชุมชนในการจัดการเคลื่อนย้ายสิ่งกีดขวางและขยะที่ถูกน้ำพัดมากองอยู่ตามถนน ขณะที่ความช่วยเหลือจากทางการยังคงล่าช้าอยู่
นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า "ภาวะโลกร้อน" เป็นปัจจัยที่ทำให้เหตุการณ์ฝนตกหนักแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยและรุนแรงขึ้น โดยทะเลที่อุ่นขึ้นจากอุณหภูมิโลกที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้มีการระเหยของน้ำที่มากขึ้น ทำให้เกิดพายุฝนหนัก ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นบ่อยครั้งในแถบเมดิเตอร์เรเนียน
การตอบสนองของภาครัฐถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่เพียงพอ หลายคนวิพากษ์ว่าหากมีการแจ้งเตือนและการเตรียมการรับมือล่วงหน้า ประชาชนจะมีโอกาสเตรียมพร้อมหรืออพยพไปที่ปลอดภัยก่อนที่น้ำจะท่วม สถานการณ์นี้ทำให้เกิดคำถามถึงความพร้อมในการจัดการเหตุการณ์น้ำท่วมฉับพลันที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต
นอกจากการสูญเสียชีวิตแล้ว น้ำท่วมครั้งนี้ยังทำลายสาธารณูปโภคในพื้นที่ อาทิ สะพานและถนนหลายสายที่ไม่สามารถใช้งานได้ ทำให้การคมนาคมทั้งในเมืองและระหว่างเมืองหยุดชะงักอย่างหนัก เส้นทางรถไฟความเร็วสูงจากบาเลนเซียไปยังมาดริดต้องหยุดให้บริการชั่วคราวเนื่องจากเส้นทางได้รับความเสียหายอย่างหนัก
ในขณะนี้ หน่วยกู้ภัยและกองทัพกว่า 1,000 นายได้เข้าพื้นที่เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย และพยายามเข้าถึงพื้นที่ที่ยังถูกตัดขาดจากการสื่อสาร ทางการคาดว่าต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์ในการฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐานและระบบขนส่งในพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก
นายกรัฐมนตรี Pedro Sanchez ได้เดินทางไปยังพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ พร้อมกับเรียกร้องให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการออกจากที่พักอาศัย เนื่องจากยังมีความเสี่ยงจากพายุฝนที่กำลังเคลื่อนตัวขึ้นทางตอนเหนือของสเปน
เหตุการณ์น้ำท่วมครั้งนี้สร้างบทเรียนสำคัญให้กับทั้งประชาชนและรัฐบาลสเปนถึงความจำเป็นในการเตรียมการรับมือกับภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นได้จากภาวะโลกร้อน ซึ่งไม่เพียงแต่จะต้องเตรียมระบบเตือนภัยล่วงหน้าที่มีประสิทธิภาพ แต่ยังต้องทบทวนและเสริมสร้างมาตรการป้องกันเพื่อบรรเทาความเสียหายในอนาคต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง