climatecenter

”COP29“ ชาติกำลังพัฒนาร้องเงิน 36 ล้านล้านต่อปี หวังพยุงรับมือภาวะโลกร้อน

    เวที COP29 ที่อาเซอร์ไบจานเผชิญปัญหาท้าทายในการระดมทุน 36 ล้านล้านบาทต่อปีเพื่อช่วยเหลือประเทศที่เปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ท่ามกลางความตึงเครียดจากสถานการณ์การเมืองระหว่างประเทศ

การประชุม COP29 ณ กรุงบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน ปีนี้มีประเด็นหลักคือการระดมทุนเพื่อช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาที่ต้องการเงินสนับสนุนอย่างน้อย 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 36 ล้านล้านบาท) ต่อปีภายในทศวรรษนี้ เพื่อต่อกรกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งทางการเมืองที่ทวีความรุนแรงขึ้นส่งผลกระทบต่อความพยายามในการบรรลุข้อตกลงสำคัญนี้

ประเทศพัฒนาแล้วที่เข้าร่วมการประชุมนี้ถูกกดดันให้เพิ่มเป้าหมายการสนับสนุนทางการเงินประจำปีจากเดิมที่เคยตั้งไว้เพียง 100 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3.6 ล้านล้านบาท) ซึ่งจะหมดอายุปีนี้ แม้ว่าจะเพิ่งบรรลุเป้าหมายนี้เต็มจำนวนเมื่อปี 2565 โดยมีเสียงเรียกร้องให้เพิ่มตัวเลขดังกล่าวถึง 1.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 46.8 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2578 หากยังไม่มีการเร่งแก้ไขปัญหาในขณะนี้

สถานการณ์ที่ท้าทายเพิ่มขึ้นเมื่อความตึงเครียดทางการเมืองมีผลต่อบรรยากาศการเจรจา โดยชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ล่าสุดทำให้อนาคตของสหรัฐฯ ในเวทีเจรจาเรื่องสภาพภูมิอากาศสั่นคลอน นำไปสู่การเปิดเผยความขัดแย้งระหว่างประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนาที่เข้าร่วมการประชุม

ยัลชิน ราฟิเยฟ หัวหน้าคณะเจรจาของ COP29 กล่าวอย่างเคร่งเครียดว่า “เวลาของเรากำลังจะหมดลง” เนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันจำเป็นต้องผลักดันข้อตกลงใหม่ให้เป็นรูปธรรม นักเจรจาพยายามหาทางรวบรวมร่างข้อตกลงที่ตรงตามเป้าหมาย แต่เอกสารฉบับร่างที่เผยแพร่โดยองค์กรด้านภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติยังสะท้อนทัศนคติที่ขัดแย้งกันของประเทศต่างๆ ที่มาเจรจา

การประชุมปีนี้ยังเผชิญกับความไม่ลงรอยเมื่อหลายประเทศยังไม่พร้อมให้คำมั่นทางการเงินเพิ่มเติม ขณะที่สหรัฐฯ อาจไม่เข้าร่วมในการสนับสนุนใหม่ ส่งผลให้คณะเจรจาต้องหาทางอื่นเพื่อให้ได้ทุนตามเป้า หนึ่งในวิธีคือการพึ่งพาธนาคารพัฒนาพหุภาคีระดับโลก เช่น ธนาคารโลก ซึ่งกำลังถูกปฏิรูปให้สามารถปล่อยกู้เพิ่มขึ้นสำหรับโครงการด้านสภาพภูมิอากาศ

ธนาคารระดับโลกสิบแห่งได้แถลงแผนเพิ่มการระดมทุนสำหรับสภาพภูมิอากาศเป็นปีละ 120 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 4.32 ล้านล้านบาท) ภายในปี 2573 โดยคาดว่าจะระดมทุนจากภาคเอกชนเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 65 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2.34 ล้านล้านบาท) เพื่อสนับสนุนโครงการเหล่านี้

นอกจากนี้ ซากีร์ นูรีเยฟ ประธานสมาคมธนาคารอาเซอร์ไบจานยังได้ให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนเงินลงทุน $1.2 พันล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4.32 หมื่นล้านบาท) สำหรับโครงการที่ช่วยอาเซอร์ไบจานในการปรับตัวสู่เศรษฐกิจที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ

อย่างไรก็ตาม การประชุมกลับเต็มไปด้วยความขัดแย้งมากกว่าความเป็นเอกภาพ เมื่ออาร์เจนตินาประกาศถอนตัวจากการประชุมอย่างกะทันหันในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยรัฐบาลอาร์เจนตินาให้เหตุผลว่าต้องการให้เกราโด แวร์ธีน รัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่มีโอกาสพิจารณาสถานการณ์และปรับท่าที

กลุ่มสังคมพลเมือง Top Social ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่าการถอนตัวครั้งนี้อาจทำลายความน่าเชื่อถือของอาร์เจนตินาในตลาดทุนและชุมชนนานาชาติ ขณะที่ตัวแทนจากประเทศพัฒนาแล้วที่เข้าร่วมกล่าวว่าไม่มีประเทศใดส่งสัญญาณจะถอนตัวตามอาร์เจนตินา

อีกหนึ่งประเด็นความขัดแย้งเกิดขึ้นระหว่างฝรั่งเศสและอาเซอร์ไบจานหลังจาก อิลฮัม อาลีเยฟ ประธานาธิบดีอาเซอร์ไบจานวิจารณ์ฝรั่งเศสเรื่องความขัดแย้งในพื้นที่ต่างๆ ขณะที่ฝรั่งเศสกล่าวหาอาเซอร์ไบจานว่าเข้าแทรกแซงการเมืองในนิวแคลิโดเนีย ซึ่งส่งผลให้รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมฝรั่งเศสตัดสินใจยกเลิกการเข้าร่วม COP29