environment

เปิดต้นทุนสภาพอากาศจากการแข่งขัน AI-Data Center

    แม้การพัฒนาด้าน AI และ Data Center จะเป็นสิ่งสำคัญ แต่ผลกระทบต่อต้นทุนต่อสภาพแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศของโลกก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้

การพิมพ์ข้อความค้นหาลงใน ChatGPT อาจดูเหมือนไม่ใช่กิจกรรมที่ใช้พลังงานมาก ผู้คนประมาณ 200 ล้านคนทั่วโลก ทำเเบบนี้ทุกเดือน ซึ่งใช้พลังงานไฟฟ้าได้มากกว่าการค้นหาโดย Google แบบเดิมถึง 50 ถึง 90 เท่า

การสร้างภาพ AI หนึ่งภาพ ใช้พลังงานได้มากเท่ากับการชาร์จสมาร์ทโฟน 522 ครั้งถ้าสร้างภาพ 1,000 ภาพสามารถปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากเท่ากับการขับรถโดยสารที่ใช้น้ำมันเบนซินโดยเฉลี่ยระยะทาง 4.1 ไมล์ ตามข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์จากมหาวิทยาลัยกลาสโกว์

พลังงานจะเพิ่มมากขึ้นเมื่อ AI มีพลังมากขึ้น

ในเดือนพฤษภาคม OpenAI, Google และ Microsoft เปิดตัวการพัฒนา AI ล่าสุด รวมถึงความสามารถในการแปลงข้อความเป็นวิดีโอ ซึ่งจะใช้พลังงานมากขึ้นและปล่อยก๊าซคาร์บอนมากกว่าฟังก์ชันการแปลงข้อความเป็นรูปภาพธรรมดาๆ ที่ผู้ใช้กำลังเพลิดเพลินอยู่ในปัจจุบัน

ถึงจะเร็วเกินไปที่จะรู้ในระดับเชิงปริมาณแต่ทุกคนรับทราบว่า AI กำลังมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น

 

ศูนย์ข้อมูล หรือ Data Center ซึ่งเป็นเหมือน "สมองส่วนกลาง" ที่ใช้ขับเคลื่อนความต้องการด้านดิจิทัลของประเทศต่างๆ ระหว่างปี 2565 - 2569 ปริมาณการใช้ไฟฟ้าทั้งหมดของศูนย์ข้อมูลทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นสองเท่า โดยจะแตะมากกว่า 1,000 เทราวัตต์ชั่วโมงในปี 2569 ซึ่งเทียบเท่ากับปริมาณการใช้ไฟฟ้าทั้งปีของญี่ปุ่นโดยประมาณ ตามการประมาณการของ สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA)

แม้จะมีการคาดการณ์เหล่านี้ แต่ก็มีเพียงไม่กี่คนที่พิจารณาถึงต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมของ AI เมื่อความเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจตกอยู่ในความเสี่ยง ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่าทรัพยากร AI จะเป็นปัจจัยชี้ขาดที่ขับเคลื่อนความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์โดยรวมของประเทศ

ด้วยความต้องการด้าน AI ที่เพิ่มมากขึ้น ประเทศต่างๆ ทั่วเอเชียและทั่วโลกต่างเร่งสร้างศูนย์ข้อมูลเพิ่มขึ้นเพื่อขับเคลื่อนความพยายามในการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล โดยรัฐบาลต่างๆ ได้สร้างสิ่งที่กลายเป็นที่รู้จักในนามขีดความสามารถ "Sovereign AI" หรือปัญญาประดิษฐ์แบบพึ่งพาตนเอง เพื่อรักษาความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี  ตามทีี Jensen Huang ซีอีโอของ NVIDIA มองว่า ทุกประเทศต้องมี AI เป็นของตนเอง

 

"สิงคโปร์" กลายเป็นศูนย์กลางศูนย์ข้อมูลสำหรับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กำลังวางแผนจะขยายความจุของศูนย์ข้อมูลมากกว่าหนึ่งในสาม หลังจากระงับการก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่ชั่วคราวในปี 2562

"มาเลเซีย" เตรียมเป็นเจ้าภาพศูนย์ข้อมูล Google แห่งแรก โดยได้ประกาศเมื่อเดือนที่แล้ว

"จีน" ตามรายงานของ Chinese Academy of Environmental Planning จีนจะเป็นประเทศที่มีความต้องการไฟฟ้าเพิ่มขึ้นมากที่สุดในโลก โดยศูนย์ข้อมูลคาดว่าจะมีสัดส่วนเกือบ 6% ของความต้องการไฟฟ้าทั้งหมดของประเทศภายในปี 2569 ตามข้อมูลของ IEA

"อินเดีย" และ "เอเชียตะวันออกเฉียงใต้" ความต้องการไฟฟ้าจะเพิ่มมากขึ้นอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการขยายตัวทางดิจิทัลและเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว

โดยรวมเเล้ว ตลาดศูนย์ข้อมูลในเอเชียแปซิฟิก คาดว่าจะขยายตัวด้วยอัตราการเติบโตต่อปีที่ 12% ตั้งแต่ปี 2566 - 2570 และจะมีมูลค่าถึง 4.8 หมื่นล้านดอลลาร์ภายในปี 2570 ตามรายงานของที่ปรึกษา Renub Research

ศูนย์ข้อมูลไม่เพียงแต่ต้องการพลังงานเท่านั้น แต่อุปกรณ์ในศูนย์จะร้อนขึ้นในขณะประมวลผลข้อมูล ซึ่งต้องใช้น้ำปริมาณมากในการทำความเย็น ยกตัวอย่างเช่น ประมาณการปริมาณการใช้น้ำประจำปีของศูนย์ข้อมูลในจีนในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 1.3 พันล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งเกือบสองเท่าของปริมาณที่ใช้สำหรับครัวเรือนและบริการในเมืองเทียนจิน ซึ่งมีประชากร 13.7 ล้านคน ภายในปี 2573 การใช้น้ำโดยรวมของศูนย์ข้อมูลในจีนอาจสูงถึงมากกว่า 3 พันล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งมากเกินพอที่จะครอบคลุมการใช้น้ำที่อยู่อาศัยประจำปีของสิงคโปร์ 

ต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อมเป็นต้นทุนทางการเงิน

แม้กระทั่งก่อนที่ Generative AI จะเริ่มดำเนินการในปี 2565 ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีหลายราย รวมถึงผู้นำการปฏิวัติ AI ได้ให้คำมั่นสัญญาที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม บางคนสัญญาว่าจะเปลี่ยนมาใช้พลังงานทดแทน 100% หรือทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายคาร์บอนเป็นศูนย์

การเติบโตอย่างรวดเร็วของ AI ได้เพิ่มแรงกดดันและความเร่งด่วนให้กับเป้าหมายเหล่านั้น ด้วยเหตุผลง่ายๆ ก็คือ การที่พลังงานไม่มีประสิทธิภาพนั้นมี "ราคาแพง"

ในปี 2566 Nvidia ผู้ผลิตชิป AI ชั้นนำของโลกได้จัดส่งเซิร์ฟเวอร์ AI จำนวน 100,000 เครื่องซึ่งใช้ไฟฟ้าเฉลี่ย 7.3 TWh ต่อปี ตามข้อมูลของ IEA ค่าไฟฟ้าที่จะจ่ายก็ถือว่ามีจำนวนมากเช่นกัน เเต่ผู้ผลิตชิปกำลังโน้มน้าวว่าชิป AI รุ่นต่อไปต้องการพลังงานน้อยลงเเละได้ประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น Nvidia กล่าวว่า Blackwell GPU รุ่นล่าสุดรับประกันประสิทธิภาพการใช้พลังงานที่ดีกว่า Hopper รุ่นก่อนถึง 25 เท่า แต่ชิปเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอที่จะบรรเทาความต้องการพลังงานมหาศาลของ AI

ที่มา