ธุรกิจของไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ MINT ซึ่งมีรายได้รวมกว่า 1.53 แสนล้านบาทต่อปี จากธุรกิจโรงแรม ที่เป็นเจ้าของและบริหารมากกว่า 540 แห่ง ใน 56 ประเทศ ร้านอาหาร รวม 2,645 แห่ง และการจัดจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ ได้วางเป้าหมายวางกลยุทธ์การพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อมุ่งเป้าหมายบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593
ล่าสุด ไมเนอร์ โฮเทล ยังได้รับเลือกจัดอันดับให้เป็น Top 10% ของ S&P Global’s Sustainability Year Book 2024 ในกลุ่มอุตสาหกรรมโรงแรม รีสอร์ท และเรือสำราญ รวมถึงได้รับเลือกให้อยู่ดัชนี FTSE4Good Index Series และได้รับการประเมินจาก MSCI ESG Rating ในระดับ AA อีกด้วย
นายวิลเลี่ยม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค ประธานกรรมการบริษัทไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่น จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ไมเนอร์ได้ดำเนินการทบทวนกลยุทธ์การพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นประจำทุกปี โดยคำนึงถึงความเชื่อมโยง และความสัมพันธ์ของประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนต่างๆ เพื่อจัดทำแนวทางการดำเนินงานได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น
ปัจจุบันบทบาทของธรรมชาติในการสนับสนุนเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ได้รับความสำคัญมากขึ้น ในขณะเดียวกันความหลากหลายทางชีวภาพ และระบบนิเวศที่เปราะบางก็กำลังเผชิญกับวิกฤต เช่นเดียวกับภาวะการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ
ไมเนอร์ดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติและการปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพมาอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้เราได้ขยายขอบเขตงานอนุรักษ์ของเรา และสามารถคุ้มครองชนิดพันธุ์สัตว์ป่า และพืชป่าที่อยู่ในบัญชีแดง ขององค์การระหว่างประเทศ เพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ ( IUCN Red List) ได้ถึง 94 สายพันธุ์ โดยเพิ่มขึ้นจาก 82 สายพันธุ์ในปี 2566
เรายังคงมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero ภายในปี 2593 เพื่อรับมือกับวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในระหว่างที่เรากำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการ เพื่อตั้งเป้าหมายที่อิงหลักวิทยาศาสตร์ (Science Based Targets Initiative –SBTi)
เราได้ตั้งเป้าหมายระยะสั้นในการลดอัตราการใช้พลังงาน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อห้องพักของไมเนอร์ โฮเทลส์ลง 15 % ภายในปี 2568 เมื่อเทียบกับปี 2562 ซึ่งเป็นปีก่อนการระบาดของโควิด-19 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อห้องได้ เมื่อเทียบเท่ากับปี 2565
อย่างไรก็ตามการขยายธุรกิจ โดยเฉพาะการขยายจำนวนโรงแรมประเภทรีสอร์ท ส่งผลให้อัตราการใช้พลังงาน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อห้องพักสูงขึ้น เมื่อเทียบกับปี 2562 สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในขณะที่ธุรกิจขยายตัวอย่างรวดเร็ว
ส่วนการดำเนินงานด้านการลดอัตราการใช้นํ้า การลดการใช้พลาสติกประเภทใช้ครั้งเดียว และการลดอัตราการปล่อยของเสียอินทรีย์สู่การฝังกลบของโรงแรมนั้น ยังคงเป็นไปตามแผน และในปี 2567 เราจะเร่งดำเนินงานด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่อิงหลักวิทยาศาสตร์
กลยุทธ์ด้านความยั่งยืนของเราจะสำเร็จไม่ได้ หากขาดทรัพยากรบุคคล แผนการเติบโตของธุรกิจของเรา ส่งผลให้การดึงดูด พัฒนา และรักษาบุคลากรที่มีคุณภาพไว้กับองค์กรมีความสำคัญมาก ในปี 2566 นักเรียน นักศึกษา ที่ผ่านโครงการ Minor Corporate University (MCU) เลือกที่จะกลับมาทำงานกับไมเนอร์ เราจึงขยายเป้าหมายใหม่ โดยตั้งเป้าให้นักเรียนนักศึกษาที่ผ่านโครงการกลับเข้ามาร่วมงานกับเราอย่างน้อย 60% ภายในปี 2568
ขณะเดียวกันการเติบโตของธุรกิจอย่างรวดเร็วในปีที่ผ่านมา ส่งผลให้จำนวนบุคลากรระดับบริหาร ที่มีอยู่ในองค์กร ไม่เพียงพอรองรับการขยายตัวนี้ ส่งผลให้เรายังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายในการบรรจุตำแหน่งระดับบริหารอย่างน้อย 50 % ด้วยพนักงานภายใน
แต่อย่างไรก็ตามการขยายธุรกิจในตลาดใหม่ๆจะเพิ่มโอกาสให้ไมเนอร์เข้าถึงบุคลากรหลากหลาย ที่มีศักยภาพในแต่ละพื้นที่มากขึ้น เราจัดตั้ง Center of Excellence เพื่อยกระดับความรู้ และพัฒนาศักยภาพของบุคลากรภายในองค์กร รวมถึงสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่พนักงานสามารถพัฒนาศักยภาพได้เต็มที่
การกำกับดูแลกิจการที่ดี และวัฒนธรรมการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบ เป็นปัจจัยสำคัญต่อความสำเร็จของธุรกิจ เรามีการเฝ้าระวังการละเมิดสิทธิมนุษยชน การทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์ในการดำเนินงาน เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และจะเชิญชวนให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มมาร่วมกับไมเนอร์ ในการรับมือกับวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ขณะที่นายดิลิป ราชากาเรีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ไมเนอร์ โฮเทลส์ กล่าวว่า กลยุทธ์ของเราในการอนุรักษ์ทรัพยากรและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตลอดจนการลงทุนมูลค่า 359 ล้านบาท (ประมาณ 9.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในโครงการด้านการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพทั่วโลก
ส่งผลให้ไมเนอร์ โฮเทลส์ สามารถลดอัตราการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อห้องที่แขกเข้าพักได้เกือบ 8% และ 11% ในปี 2565 โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงแรมและรีสอร์ทของไมเนอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศสเปน โปรตุเกส ฝรั่งเศส เนเธอร์แลนด์ ออสเตรีย เบลเยียม ลักเซมเบิร์ก เดนมาร์ก และอิตาลี ซึ่งได้ปรับเป็นการใช้พลังงานสะอาด 100% แล้วเมื่อสิ้นปี 2566
ความก้าวหน้าของทีมงานไมเนอร์ โฮเทลส์ ในการดำเนินงานด้านความยั่งยืนต่าง ๆ ในปี 2566 เป็นที่น่าพอใจ อาทิ อัตราการใช้นํ้าต่อห้องที่แขกเข้าพักลดลง 4% เมื่อเทียบเป็นรายปี อัตราการส่งของเสียอินทรีย์สู่การฝังกลบของโรงแรมลดลง 27% เมื่อเทียบกับปี 2564 ในขณะที่ขยะถูกรีไซเคิลเพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับปี 2565
การใช้พลังงานสีเขียว หรือ พลังงานสะอาด (Green Energy) ของกลุ่มไมเนอร์ โฮเทลส์ เพิ่มขึ้นเป็น 198 ล้านกิโลวัตต์-ชั่วโมงเพิ่มขึ้น 14% จากปี 2565 ส่งผลให้เราสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่อห้องที่แขกเข้าพักในปี 2566 ลง 11% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
อีกทั้งเราต้องเป็นสมาชิกชุมชนที่มีความรับผิดชอบในพื้นที่ที่เราดำเนินธุรกิจ ผ่านการส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน เนื่องจากความสำเร็จในระยะยาวของเราเชื่อมโยงโดยตรงกับความเป็นอยู่ที่ดีของสังคมและสิ่งแวดล้อม ในขณะที่ธุรกิจของไมเนอร์เติบโตอย่างต่อเนื่อง
แม้การขยายธุรกิจและการขยายจำนวนรีสอร์ทส่งผลให้อัตราการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยรวมสูงขึ้น แต่เรายังคงมุ่งมั่น ในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเป็นองค์กรปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 นั่นเอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง