บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านการพัฒนาพลังงานทดแทน ถือเป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยได้บรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 (2565-2566) และในปี 2567 ได้รับการรับรองให้เป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) จากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์กรมหาชน) (อบก.) และตั้งเป้าหมายที่จะปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายใน พ.ศ. 2593
โดยในปี 2566 กลุ่มบริษัทฯ ได้มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมภายในประเทศไทย จํานวนทั้งสิ้น 2,328 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งได้มีการชดเชยปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกดังกล่าวได้ทั้งหมด
ล่าสุดบีซีพีจี ได้ตั้งเป้าหมายการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนติดอยู่ใน Dow Jones Sustainability Indicesหรือ DJSI และ SET 50 ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ภายในปี 2573
นายนิวัติ อดิเรก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การจะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้ บีซีพีจีจะดำเนินงานขับเคลื่อนผ่าน 3 กลยุทธ์ ไดแก่ Greener Diversified Portfolio การขยายพอร์ตโฟลิโอจากการลงทุนพลังงานหมุนเวียนเพิ่มมากขึ้นจากปัจจุบันมีสัดส่วนราว 38 % และจากโรงไฟฟ้าที่ก๊าซธรรมชาติที่ปล่อยคาร์บอนตํ่าราว 62 %
โดยตั้งเป้าหมายว่าเมื่อถึงปี 2573 บีซีพีจี จะมีสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเป็น 70% และโรงไฟฟ้าก๊าซฯปล่อยคาร์บอนตํ่า 30%
ล่าสุดบีซีพีจีได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นโรงไฟฟ้าพลังงานลม 2 โครงการ ในจังหวัดซาลาย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม กำลังการผลิตติดตั้งรวม 99 เมกะวัตต์ มูลค่ากว่า 4,508 ล้านบาท คาดโอนหุ้นแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1 ปี 2568
ทั้งนี้ การขยายการลงทุนนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับประเทศไทย เนื่องจากศักยภาพการขยายตัวของการส่งเสริมใช้พลังงานหมุนเวียนยังมีอีก ตามร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าหรือพีดีพีฉบับใหม่ที่จะประกาศออกมาใช้ในต้นปี 2568 ที่ระบุสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนบรรจุอยู่ในแผนกว่า 50 % ของกำลังการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด รวมถึงประเทศที่บีซีพีจี ได้เข้าไปลงทุนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา สปป.ลาว เวียดนาม ออสเตรเลีย และฟิลิปปินส์ ที่มีโอกาสขยายการลงทุนทั้งพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และแบตเตอรี่
Further than MW Leading Climate Solution การลงทุนในธุรกิจพลังงานหมุนเวียนที่สามารถกักเก็บคาร์บอนเครดิตได้ เพื่อรวบรวมคาร์บอนเครดิตทั้งในรูปแบบที่มาจากการลงทุนเองและการซื้อจากแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าบีซีพีจีดำเนินงานบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนได้ และเป็นการสนับสนุนประเทศบรรลุ Net Zero ได้อีกทางหนึ่ง
Higher Value to Shareholde การสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น จากการพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียน สู่การขายโครงการ นำกำไรหรือผลตอบแทนที่ได้นำไปขยายการลงทุนต่อ โดยจะเริ่มดำเนินการในประเทศไต้หวัน จากการพัฒนาโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ หลังจากบริษัทได้ประสบความสำเร็จจากการดำเนินงานในประเทศญี่ปุ่นมาแล้ว
นายนิวัติ กล่าวอีกว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2568 บริษัทตั้งงบลงทุนไว้ที่ 32,000 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนเป็นการลงทุนโครงการใหม่ราว 58 % และใช้สำหรับโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนาราว 42% โดยตั้งเป้าการเติบโตของ EBITDA ไม่ตํ่ากว่า 30% จากปี 2567 บีซีพีจีใช้เงินลงไปไปราว 3,200 ล้านบาท สำหรับการลงทุนใหม่ในสัดส่วนราว 12%
ปัจจุบันบีซีพีจีมีกำลังผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ 1,959.4 เมกะวัตต์ เป็นโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ อยู่ในสหรัฐอเมริกา มีกำลังผลิตรวม 857 เมกะวัตต์ เป็นพลังงานหมุนเวียนราว 1,102.4 เมกะวัตต์ อยู่ในไทย 209.7 เมกะวัตต์ สปป.ลาว 404 เมกะวัตต์ ไตหวัน 469 เมกะวัตต์ และฟิลิปปินส์ 19.7 เมกะวัตต์
หากรวมกำลังการผลิตจากโครงการพลังงานลมในเวียดนามอีก 99 เมกะวัตต์ จะส่งผลให้บีซีพีจีมีกำลังการผลิตจากพลังงานหมุนเวียนอยูที่ 1,201.4 เมกะวัตต์ และส่งผลให้กำลังการผลิตไฟฟ้าโดยรวมขึ้นไปอยู่ที่ 2,058.4 เมกะวัตต์ โดยเป็นโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว 1,282.2 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และพัฒนา 776.2 เมกะวัตต์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง