จั่วหัวแบบนี้ แปลความหมายมาจากหลายเสียงนักธุรกิจที่พากันสะท้อนภาพความเป็นห่วงเสถียรภาพของเศรษฐกิจไทย ที่ก่อนหน้านี้หลายสำนักด้านเศรษฐกิจต่างออกมาปรับเป้ากันเป็นแถวทั้งตัวเลขการส่งออกและการเติบโตของจีดีพีประเทศ เรียกว่าปรับกันหลายตลบ!
ยิ่งเวลานี้เข้าสู่โค้งสุดท้ายปี 2562 หลายคนจับตาดูว่าไตรมาส 4 ปีนี้จะมีอะไรเป็นแรงส่งสำคัญที่ทำให้ปี 2563 เข้าสู่โหมดข่าวดีด้านเศรษฐกิจได้บ้าง เหมือนกับว่าออกแรงเท่าไหร่ก็สูญเปล่า ลำพังมาตรการชิม ช้อป ใช้ หลายมุมมองตั้งข้อสังเกตว่า เป็นเพียงมาตรการระยะสั้นๆ แจกมาก็ใช้จ่ายไปแค่นั้นจบ แต่ที่น่าห่วงคือหลายคนเริ่มกังวลว่าเงินในอนาคตจะมีใช้หรือไม่มากกว่า!!!
เมื่อหันกลับมาดูปัจจัยเสี่ยงปี 2563 นักธุรกิจหลายคนบอกกลายๆว่าจะเป็นปีที่เผาจริง!!! หลังจากที่ตลอดปี2562 เดินไปสู่โหมดเผาหลอกแล้ว เพราะเวลานี้หลายปัญหาที่ประเดประดังกันเข้ามานั้นล้วนเป็นโจทย์ยากที่จะได้รับการแก้ไขได้ในเวลาอันรวดเร็ว ตั้งแต่ปัญหาสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯที่ลากยาวข้ามปีต่อไปอีก ปัญหาเศรษฐกิจโลก ปัญหาบาทแข็งค่า อีกทั้งไทยจ่อถูกตัดสิทธิGSPสินค้ากว่า 500 รายการ ที่จ่อคอหอยอยู่ในขณะนี้แม้จะไม่กระทบมากแต่กำลังเป็นอีกปัญหาที่เข้ามาซ้ำเติม ยังไม่นับสถานะกำลังซื้อภายในประเทศที่ยังดูเงียบเหงาจนน่าเป็นห่วง
ล่าสุด “ฐานเศรษฐกิจ” สำรวจมุมมองจากบรรดานักธุรกิจต่างสะท้อนไปในทิศทางเดียวกันอย่างน่าเป็นห่วง นายทวิช เตชะนาวากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้และทำท่าจะลากยาวไปถึงปี 2563และเป็นปัญหาที่แตกต่างกับตอนที่ไทยเผชิญวิกฤติต้มยำกุ้ง เพราะวิกฤติในขณะนั้นมาจากปัญหาภายในประเทศที่บริหารจัดการไม่ดี แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเป็นปัญหาของโลก ไล่ตั้งแต่วิกฤติเศรษฐกิจโลก สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ที่กำลังลากยาวไประหว่างสหรัฐฯ-อียู และสหรัฐฯญี่ปุ่น
ทวิช เตชะนาวากุล
“ปี 2563 จะมีเลือกตั้งในสหรัฐฯ ทำให้ผู้นำประเทศปลุกประเด็นรักชาติ ออกมาทะเลาะกับต่างชาติโดยอ้างผลประโยชน์ของประเทศตัวเองหาเสียง แม้แต่ไทยก็ได้รับผลกระทบด้วย จากกรณีตัดสิทธิGSPสินค้าบางตัว”
นายทวิชยังกล่าวอีกว่า ปัญหาของไทยคือเสน่ห์ด้านการลงทุนเริ่มเสื่อม โดยขีดความสามารถในการแข่งขันลดลง ค่าแรงเคยถูกก็สูงขึ้นแต่ฝีมือยังขยับตามค่าแรงได้ไม่สมดุล อีกทั้งยังขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะ
“ที่น่าเป็นห่วงคือ หนี้ครัวเรือนจะเพิ่มขึ้น ภาคอสังหาฯ ชะลอตัว บางโครงการเลื่อนการเปิดตัวออกไป บางโครงการสมมติว่าขายได้ 100 ห้องก็ถูกรีเจ็กต์ไป 50% เหล่านี้คือสัญญาณไม่ดีในระบบเศรษฐกิจไทยและปัญหากำลังลงรากหญ้า”
นายธีระชัย ธีระรุจินนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยอุตสาหกรรมพลาสติก(1994) จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตถุงหูหิ้วตรา “หมากรุก” และผู้ผลิตฟิลม์ยืดห่อหุ้มอาหาร “Vow Wrap ” กล่าว ว่า ปี 2563 ภาพรวมเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยยังเผชิญปัญหา เพราะการแก้ปัญหาเศรษฐกิจภายในประเทศเช่นเวลานี้ ภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยยังเป็นแค่การกระตุ้นระยะสั้น และที่สำคัญตอนนี้ทุกคนรัดเข็มขัด มาตรการชิม ช้อป ใช้ แจกออกมาก็ใช้แค่นั้น
“ตลอดปี2562 มีข่าวออกมาเป็นระยะหลายโรงงานปิดกิจการ โรงงานที่ปิดก็มีคนตกงาน หรือบางบริษัทก็ออกมาประกาศลดคน ตรงนี้กำลังมองว่าความมั่นใจในอนาคตอยู่ตรงไหน เพราะไม่รู้ว่าอนาคตจะมีเงินใช้หรือไม่ ”
ธีระชัย ธีระรุจินนท์
นอกจากนี้ปลายปี2563 สหรัฐฯมีการเลือกตั้ง อาจมีอะไรเปลี่ยนแปลงได้อีกระหว่างนี้ และปีหน้าถ้าจีนกับอเมริกาไม่สู้รบกันก็น่าจะดีขึ้น ยอมรับว่าในแง่นักธุรกิจทำการค้าขายยังไม่มั่นใจ เพราะยังมีความเสี่ยงอยู่มาก และที่น่าจับตาและน่าเป็นห่วงมากในระยะต่อไปคือเรื่องความมั่นคงด้านแรงงาน จะเป็นความกลัวในระยะกลาง 2-3 ปีนับจากนี้ไป เพราะทุกวันนี้เราอาศัยแรงงานต่างด้าวมาก ถือเป็นความเสี่ยงของประเทศไทย เพราะถ้าเศรษฐกิจในประเทศเพื่อนบ้านบูมแรงงานไหลกลับประเทศไปหมด ฐานการผลิตไทยจะทำอย่างไร ภาครัฐเตรียมแผนรับมือตรงนี้ไว้อย่างไร
ด้านนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวยอมรับว่าปี2563 นักธุรกิจทุกภาคส่วนทั้งรายเล็กรายใหญ่ยังต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงหลายตัว การทำธุรกิจจึงต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้น ทั้งปัญหา เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนที่มีผลต่อประเทศไทยทั้งทางบวกและลบ ค่าเงินบาทที่แข็งค่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องรีบแก้ไขก่อนเพราะเวลานี้เงินต่างประเทศที่ไหลเข้ามา มาพักเพื่อเอาดอกเบี้ย ไม่ได้เข้ามาเพื่อการลงทุนเป็นส่วนใหญ่ ส่วนการตัดสิทธิ GSP มองว่ายังมีผลกระทบไม่มากเท่ากับค่าเงินบาทที่แข็งค่ากว่าประเทศอื่น และที่สำคัญกำลังซื้อภายในประเทศยังเงียบ เครื่องมือที่นำมากระตุ้นก็ช่วยได้เป็นพักๆ
สุพันธุ์ มงคลสุธี
สอดคล้องกับที่ก่อนหน้านั้นวงการรถยนต์ก็ตั้งข้อสังเกตว่าในช่วงวันคริสต์มาส และช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีซึ่งเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ยอดการผลิตรถยนต์จะเพิ่มขึ้นคนชอบถอยรถป้ายแดง แต่ปีนี้กลับสวนทางเมื่อเทียบกับทุกปีที่ผ่านมา
ต้องจับตาดูต่อไปสิ้นสุดโค้งท้ายคงได้เห็นสัญญาณเตือนภัยอีกหลายตัว ให้เตรียมรับมือ 2563 เผาจริง! เสียงเตือนกลายๆจากนักธุรกิจประเมินภาพรวมศก.ไทยน่าห่วง!!!
คอลัมน์ : Let Me Think
โดย : TATA007