เสียบบัตรแทนกัน อย่าปล่อยคนผิด ลอยนวล

26 ม.ค. 2563 | 03:05 น.
อัปเดตล่าสุด :26 ม.ค. 2563 | 10:00 น.

คอลัมน์ฐานโซไซตี ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3543 หน้า 4 ระหว่างวันที่ 26-29 ม.ค.63 โดย... ว.เชิงดอย


เสียบบัตรแทนกัน อย่าปล่อยคนผิด ลอยนวล


          ....ทำเอาเครียดกันไปทั้งรัฐบาล ไล่ตั้งแต่ บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย อุตตม สาวนายน รมว.คลัง กับวีรกรรม ของ 2 ส.ส.ภูมิใจไทย ฉลอง เทอดวีระพงศ์ ส.ส.พัทลุง และ นาที รัชกิจประการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ก่อขึ้นในเหตุการณ์ “เสียบบัตรแทนกัน” ในการประชุมสภาฯ เพื่อโหวตร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ระหว่างวันที่ 9-11 มกราคม

          ....ร้อนถึง “นายกฯลุงตู่” ต้องเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องเข้าหารือเป็นการเร่งด่วน ก่อนที่จะมีการประชุมครม.สัญจร ที่จ.นราธิวาส เพื่อหาทางออก เพราะหากมีการส่งให้ “ศาลรัฐธรรมนูญ” พิจารณาวินิจฉัยร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ อาจเป็นโมฆะได้ โดย “รองนายกฯวิษณุ” เสนอทางออกเพื่อเป็นแนวทางในการต่อสู้ว่า เพื่อไม่ให้ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ทั้งฉบับเป็นโมฆะ แนวทางการต่อสู้คดีในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ จะแยกระหว่างคดีอาญา กับการดำเนินการที่ขัดรัฐธรรมนูญออกจากกัน โดยในส่วนของคดีอาญานั้นจะต้องให้ “ส.ส.ที่เสียบบัตรแทนกัน” ยอมรับว่า ได้กระทำการตามที่ถูกกล่าวหาจริง

          ....ส่วนประเด็นว่าการออกกฎหมายชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่ ก็ต้องต่อสู้ว่า เมื่อหักจำนวนเสียงส.ส.ที่มีการเสียบบัตรแทนกันออกแล้ว จำนวนเสียงส.ส.ที่ลงคะแนนให้ความเห็นชอบร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 2563 ก็มีเสียงมากกว่า 253 ต่อ 0 งดออกเสียง 196 เสียง ขณะเดียวกันมีการประเมินกันว่า เมื่อยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ตามกระบวนการของศาลจะใช้เวลาเร็วที่สุดในการพิจารณาประมาณ 15 วัน และอย่างช้าที่สุดประมาณ 2 เดือน

          ....ไม่ใช่เฉพาะภาครัฐบาลเท่านั้นที่วิตกกังวลกับ “ร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 2563” ที่จะมีปัญหา จนกระทบถึงการนำเม็ดเงินออกมาใช้จ่ายลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้แต่ “ภาคเอกชน” ก็พลอยหวาดวิตกกังวลไปด้วยถึงผลกระทบที่จะมีต่อเศรษฐกิจในภาพรวม ธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์กรนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย บอกว่า งบประมาณเป็นเส้นเลือดใหญ่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจ และเป็นเส้นเลือดที่วิ่งไปทุกจุดของประเทศ ตั้งแต่เมืองใหญ่ไปยังจังหวัด ตำบล อำเภอ หมู่บ้านตามชนบท ความจริงงบประมาณต้องลงระบบตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 ล่าช้ามา 4-5 เดือนแล้ว และส่งผลเสียต่อภาพรวมเศรษฐกิจค่อนข้างมาก ใช้จ่ายได้เฉพาะงบประจำปีหรือเงินเดือนที่พยุงเศรษฐกิจไว้ แต่ “งบลงทุน” ที่จะไปต่อเติม ก่อสร้างอาคาร หรืองบช่วยภัยแล้งก็ลงมาไม่ได้ ที่ผ่านมาเศรษฐกิจอ่อนแออยู่แล้วจากแรงกระแทกปัจจัยภายในและภายนอก และกำลังจะถูกซํ้าเติมอีก อย่าลืมว่าปี 2562 เศรษฐกิจก็อยู่ในอาการหยอดนํ้าเกลืออยู่แล้ว ถ้างบประมาณลงระบบช้าต่อไป เชื่อว่าไตรมาสแรกปี 2563 จ่อเข้าไอซียู เพราะรัฐใช้จ่ายอะไรไม่ได้ไม่มีงบลงระบบ

          ....เรื่องการ “เสียบบัตรแทนกัน” หรือการ “โดดประชุม” แล้วอ้างว่า “ลืมบัตร” ไว้ ไม่ได้มอบหมายให้ใครไปกดลงคะแนนแทน โทษทีเถอะ... “อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ” เรื่องนี้ถือเป็นปัญหาทาง คุณธรรม จริยธรรม และ ธรรมาภิบาล ไม่ว่าจะเป็น “ส.ส.ภูมิใจไทย” หรือพรรคไหน ไม่ควรให้เกิดขึ้นเด็ดขาด แต่เมื่อก่อให้เกิดปัญหาขึ้นแล้ว “ความรับผิดชอบ” ของตัว ส.ส.ที่สร้างปัญหาขึ้น และพรรคต้นสังกัดนะมีมั้ย? เห็น “เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้ตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง และบอกว่าอย่าให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีก ...แค่คาดโทษ แต่กลับไม่มีการลงโทษอะไรใดๆ ไม่มีการบอกให้ส.ส.ทั้ง 2 คนออกมาขอโทษขอโพยรัฐบาล ขอโทษประชาชน... นี่หรือ? ความรับผิดชอบต่อแผ่นดิน

          ....เอาล่ะ...อย่างไรเสีย 2 ส.ส.ภูมิใจไทยทั้ง “ฉลอง เทอดวีระพงศ์-นาที รัชกิจประการ” ที่เป็นบ่อเกิด “เสียบบัตรแทนกัน” ก็คงหลีกหนีการถูกดำเนินคดี “อาญา” ไม่พ้น เพราะมีคดีตัวอย่างของการ “เสียบบัตรแทนกัน” ให้เห็นมาแล้ว ในรายของ นริศร ทองธิราช อดีต ส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ที่ถูกส่งฟ้อง “ศาลฎีกานักการเมือง” ตามกฎหมายป.ป.ช. มาตรา 123 วรรค 1 ในการโหวตมาตรา 9 และมาตรา 10 ของการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งการกระทำของ นริศร เข้าข่ายขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 68 กรณีที่เจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต มีอัตราโทษสูงสุด คือจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับสูงสุด 400,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

          ....กรณี “เสียบบัตรแทนกัน” ขณะนี้คำร้องขอให้วินิจฉัยว่ากระบวนการตราร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 2563 ถูกต้องหรือไม่ ก็ได้ส่งถึงมือ “ศาลรัฐธรรมนูญ” แล้ว ต้องรอลุ้นว่า จะ “โมฆะ” ทั้งฉบับ หรือมีปัญหาใน “รายมาตรา” ที่มีการกดบัตรแทนกัน เชื่อว่าศาลน่าจะเร่งพิจารณาให้รู้ผลโดยเร็ว เพราะเรื่องนี้มี “ความเสียหายของประเทศชาติ” เป็นเดิมพัน... เอ่อ เรื่องนี้อย่าทำเป็นเล่นไป เกิดศาลชี้ว่า “โมฆะ” ทั้งฉบับ อาจพานทำเอา “รัฐบาลลุงตู่” ล้มไม่เป็นท่าได้นะเออ...

          ....ปิดท้าย... วันที่ 23 กุมภาพันธ์นี้ หนังสือพิมพ์ “ฐานเศรษฐกิจ” ซึ่งเปิดดำเนินการมาตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2524 จะครบรอบ 39 ปี ก้าวเข้าสู่ปี 40 ซึ่งจะมีการจัดงานใหญ่ในวันจันทร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ เวลา 14.00-20.00 น. โดยมี ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ, การประกาศมอบรางวัล THE BEST CEO และพบกับนิทรรศการประวัติ กิจกรรม “แฟนพันธุ์ฐาน” และวิสัยทัศน์ทิศทางของฐานเศรษฐกิจ ณ ห้องบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เอ 1 ชั้น 22 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชัน เซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์

          ....โอกาสนี้ขอยํ้าว่า “หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ” ปัจจุบันดำเนินงานโดย บริษัท ฐานเศรษฐกิจ มัลติมีเดีย จำกัด มี บากบั่น บุญเลิศ เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท และมี ทิฆัมพร ศรีจันทร์ เป็นบรรณาธิการบริหาร ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายหนังสือพิมพ์ และสื่อในแพลตฟอร์ม ทั้งหนังสือพิมพ์ เว็บไซต์ เพจเฟซบุ๊ก ไลน์ และสื่อทีวีที่บริษัท ฐานเศรษฐกิจ มัลติมีเดีย จำกัด ได้เช่าซื้อสิทธิ์มาดำเนินการ ภายใต้เครื่องหมายการค้า “ฐานเศรษฐกิจ” แต่เพียงผู้เดียวเป็นเวลา 30 ปี จากบริษัท ฐานเศรษฐกิจ จำกัด ดังนั้นหากมีหนังสือร้องขอรับการสนับสนุนทางการเงิน ทั้งในรูปแบบการขอรับบริจาค ขอรับการสนับสนุนกิจกรรมเพื่อสังคม หรือใช้การสวมรอยแห่งความเป็นสื่อมวลชนในนามฐานเศรษฐกิจไปใช้ทำมาหากิน ขอให้รับทราบกันว่า ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ “หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ” แต่อย่างใดทั้งสิ้น จึงเรียนแจ้งมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน...