เคิร์สตี โคเวนทรี ประธาน IOC หญิงคนเเรก จะพลิกโฉมวงการกีฬาโลก

22 มี.ค. 2568 | 23:00 น.

เคิร์สตี้ โควเวนทรี สร้างประวัติศาสตร์เป็นประธานหญิงคนแรกของ IOC กับภารกิจสำคัญที่จะกำหนดอนาคตของวงการกีฬาโลกและออสเตรเลีย ท่ามกลางความท้าทายใหญ่

เคิร์สตี โคเวนทรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกีฬาแห่งซิมบับเว วัย 41 ปี สร้างความประหลาดใจด้วยการได้รับเลือกเป็นประธานคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) คนใหม่เป็นคนที่ 10 ต่อจาก โธมัส บาค ที่ลงจากตำแหน่ง ในการประชุมครั้งที่ 144 ที่ประเทศกรีซ  ถือเป็นผู้หญิงคนแรก ชาวแอฟริกันคนแรก และเป็นบุคคลที่อายุน้อยที่สุดที่ดำรงตำแหน่งนี้ 

เส้นทางสู่ตำแหน่งสูงสุดใน IOC 

ด้วยประวัติด้านกีฬาที่โดดเด่น ในฐานะอดีตนักว่ายน้ำโอลิมปิก 5 สมัยของซิมบับเว ระหว่างปี 2000-2016 คว้า 7 เหรียญรางวัล รวมถึง 2 เหรียญทอง เเละยังเป็นสมาชิกของ IOC ตั้งแต่ปี 2013 โดยเริ่มจากการเป็นสมาชิกที่ได้รับเลือกจากนักกีฬาเอง 

นอกจากนี้ ยังมีบทบาทใน IOC หลายด้าน โดยล่าสุดเป็นสมาชิกคณะกรรมการประสานงานการแข่งขันโอลิมปิกและพาราลิมปิกที่บริสเบน 2032 

แม้จะเป็นหนึ่งในสามตัวเต็งร่วมกับ เซบาสเตียน โค จากสหราชอาณาจักร และ ฮวน อันโตนิโอ ซามารันช์ จูเนียร์ จากสเปน (บุตรชายของอดีตประธาน IOC ฮวน อันโตนิโอ ซามารันช์) แต่โคเวนทรีสามารถชนะการเลือกตั้งได้อย่างถล่มทลายตั้งแต่รอบแรก ด้วยคะแนน 49 จาก 97 เสียง  เนื่องจากได้เสียงเกินครึ่ง จึงไม่มีการลงคะแนนรอบต่อไป 

อะไรทำให้ชนะการเลือกตั้ง

หนึ่งในปัจจัยสำคัญคือการได้รับการสนับสนุนอย่างไม่เป็นทางการจาก โธมัส บาค อดีตประธาน IOC ซึ่งมีอิทธิพลต่อสมาชิกที่มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับเลือกเข้าสู่ IOC ในช่วง 12 ปีที่เขาดำรงตำแหน่ง 

นอกจากนี้ โธมัส บาค  ยังได้รับแต่งตั้งให้เป็น "ประธานกิตติมศักดิ์ตลอดชีพ" ตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีนี้ ทำให้เขายังคงมีบทบาทและสามารถให้คำแนะนำแก่โคเวนทรีได้ 

การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับว่าใครลงคะแนนให้ใคร แต่มีการคาดเดาว่าเธอได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกหญิงและตัวแทนจากแอฟริกาเป็นจำนวนมาก เเต่นี่เป็นเพียงข้อสันนิษฐานเท่านั้น 

ปัจจุบัน สมาชิกหญิงใน IOC คิดเป็น 43% ของทั้งหมด ซึ่งอาจเป็นกลุ่มที่ช่วยสนับสนุนเธอ ผู้สมัครบางรายเสนอแนวทางเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างสุดโต่ง ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้สมาชิกเลือกโคเวนทรีเพื่อต้องการรักษาสถานะเดิม 

โอลิมปิก 2024 ที่ปารีส เป็นครั้งแรกที่มีนักกีฬาหญิง-ชายเข้าร่วมแข่งขันในสัดส่วน 50-50 และในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา องค์กร IOC เองก็มีสมาชิกหญิงเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ภาพลักษณ์แบบ "สโมสรของผู้ชายสูงวัย" ค่อย ๆ เปลี่ยนไป 

แม้จะมีข้อกังขาเกี่ยวกับความเชื่อมโยงทางการเมืองของเธอในประเทศ และแนวทางการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างจำกัด แต่โคเวนทรีก็สามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนี้ได้    

ความท้าทายระดับโลกของประธาน IOC คนใหม่ 

แผน Olympic Agenda 2020+5 กำลังจะสิ้นสุดลง โคเวนทรีจะมีโอกาสกำหนดกลยุทธ์ใหม่ในอนาคต มีหลายประเด็นสำคัญที่ต้องให้ความสนใจ โดย 10 เรื่องหลัก ได้แก่ 

1. การคุ้มครองนักกีฬา  การสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับนักกีฬาเป็นประเด็นที่ทั่วโลกให้ความสำคัญมากขึ้น 

2. สิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปัญหาหิมะละลายที่ส่งผลกระทบต่อกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว แนวคิดการใช้สถานที่จัดแข่งขันอย่างคุ้มค่า และความท้าทายจากงบประมาณจัดงานขนาดใหญ่ 

3. AI และการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล ตั้งแต่การพัฒนาสมรรถภาพนักกีฬา ไปจนถึงการตัดสินและการบริหารจัดการกีฬา 

4. กระบวนการคัดเลือกเจ้าภาพในอนาคต  

5. นักกีฬาข้ามเพศ และนโยบายด้านความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการมีส่วนร่วม

6. ข้อเสนอของการแข่งขัน Enhanced Games การแข่งขันที่ไม่จำกัดการใช้สารกระตุ้น ซึ่งเป็นแนวคิดจากออสเตรเลีย 

7. การเปลี่ยนแปลงด้านสปอนเซอร์ บริษัทใหญ่บางแห่ง เช่น โตโยต้า และพานาโซนิค ถอนตัวไป แต่มีผู้สนับสนุนรายใหม่ โดยบางส่วนมาจากจีน 

8. ความสัมพันธ์กับรัสเซียและสหรัฐฯ

9. สิทธิของนักกีฬา โดยเฉพาะการกระจายรายได้ที่โอลิมปิกสร้างขึ้นให้กับนักกีฬาอย่างเป็นธรรม 

10. การเพิ่มหรือถอดถอนกีฬาในโอลิมปิก การพิจารณาว่ากีฬาใดสมควรอยู่ต่อ และกีฬาใดควรถูกตัดออกเนื่องจากความนิยมลดลง 

ผลกระทบต่อออสเตรเลีย 

ด้วยประสบการณ์ด้านกีฬาว่ายน้ำ โคเวนทรีอาจเป็นผลดีต่อออสเตรเลีย  แม้ว่าจะลาออกจากตำแหน่งในคณะกรรมการประสานงานโอลิมปิกบริสเบน 2032 เพื่อรับผิดชอบงานในฐานะประธาน IOC แต่มีการคาดการณ์ว่าน่าจะยังคงมีความเชื่อมโยงใกล้ชิดกับเจ้าภาพโอลิมปิกครั้งที่สามของออสเตรเลีย 

คณะกรรมการโอลิมปิกออสเตรเลีย (AOC) รีบแสดงความยินดีต่อการที่ได้รับเลือกเป็นประธาน IOC 

โคเวนทรียังรู้จัก เอียน เชสเตอร์แมน ประธาน AOC ซึ่งเป็นสมาชิก IOC เช่นกัน ทำให้คาดว่าจะมีความสัมพันธ์ในการทำงานที่ดีและใกล้ชิดกับออสเตรเลีย