วิบากกรรม
เจ้าสัวสหฟาร์ม
*** แฟนๆ ฐานโซไซตี ถามไถ่กันเข้ามามาก พักหลังฐานโซไซตีหนักไปด้วยเรื่องการเมือง ขอชี้แจงกันสักนิด ด้วยเหตุว่าการเมืองมันฮอต ฮิต โดยเฉพาะการเมืองเรื่องการปรับครม. การเข้าสู่อำนาจเสวยเก้าอี้ของเสนาบดีทั้งหลาย ที่บรรดานักการเมือง ผู้อาสาแย่งชิงกันแทบเป็นแทบตายเพื่อให้ได้มาครอง ซึ่งด้วยข้อจำกัดหลายประการ การตั้งครม. การเลือกผู้มาบริหารจึงไม่ค่อยได้คนที่สบใจประชาชน คนดีไม่อยากเข้ามาเกลือกกลั้ว ให้ถลำลึก ด้วยเหตุที่เรายังไม่หลุดพ้นวงจรการเมืองไทย ที่ยังเป็นระบบอุปถัมภ์ หัวหน้ากลุ่ม แกงค์ การเมืองจึงมีอิทธิพล บทบาทสูง การคัดสรรผู้มีความรู้ความสามารถแก้ปัญหาชาติที่ซับซ้อนมากขึ้น จึงหาได้ยาก ยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร
*** ไปที่เรื่องธุรกิจกันบ้าง น่าเห็นใจอย่างยิ่งกับวิบากกรรมของ ดร.ปัญญา โชติเทวัญ เจ้าของสหฟาร์มผู้เลี้ยงไก่อันดับต้นๆ ของประเทศวัย 89 ปี เมื่อบ้านสุขาวดี ย่านบางละมุง ชลบุรี ถูกไฟไหม้เสียหายไปจากการประเมินร่วม 200 ล้าน ซึ่งเป็นการประเมินที่ดูต่ำกว่าความเป็นจริงมาก เพราะนอกจากตัวตึกที่ถูกไฟไหม้แล้ว ภาพวาด ภาพเขียน พระเครื่อง พระบูชา ของหายากทั้งหลายที่ถูกไฟไหม้ ไม่ได้ถูกประเมินค่าไปด้วย หรือประเมินแต่น้อยมาก ว่ากันว่าเสียหายมากกว่าที่ประเมินไปหลายเท่า
*** ที่เจ็บลึกยิ่งกว่า เมื่อเงินประกันไฟไหม้ที่เสียหายที่ประเมิน 200 ล้านบาทนั้น ดร.ปัญญา เจ้าของบ้านสุขาวดีไม่ได้แม้แต่บาทเดียว เมื่อเงินประกันตกไปเป็นของแบงก์กรุงไทยที่เป็นเจ้าจำนองบ้านหลังนี้อยู่ กลายเป็นบ้านก็ต้องหาเงินมาซ่อม หวังจะได้เงินประกันมาโปะบ้าง ก็ต้องวืดซ้ำ เป็นความชอกช้ำของท่านเจ้าสัวจริงๆ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
*** แต่ที่หนักหนาสาหัสและเป็นวิบากกรรมจริงๆ ของเจ้าสัว ดร.ปัญญา หาได้อยู่ที่ไฟไหม้บ้านสุขาวดีไม่ แต่อยู่ที่กิจการของสหฟาร์ม ที่เข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการผ่านศาลล้มละลายกลางไปก่อนหน้านี้จะครบ 5 ปี แต่ปรากฎว่าผู้บริหารแผนฟื้นฟู กลับทำไม่ได้ตามเป้าหมาย หนี้ไม่ได้ลดลง แถมเพิ่มภาระยุบยั่บ เจ้าสัวได้แต่มองตาปริบๆ ในกิจการตัวเอง เพราะเข้าไปบริหารเข้าไปเกี่ยวข้องไม่ได้ ผู้บริหารแผนไม่รับฟังใดๆ เมื่อบริหารไปจะครบ 5 ปี เล็งๆ จะขอต่อเวลาอีก 1 ปี บวกอีก 1 ปีอีกแล้ว พลิกไป พลิกมาหาชื่อผู้บริหารแผน ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็ บริษัท อีวาย คอร์ปอเรท แอดไวซอรี่ เซอร์วิสเซส จำกัด (EY) เจ้าดังนั่นเอง
*** เป็นอีวาย บริษัทเดียวกันกับผู้ที่บริหารแผนฟื้นฟูกิจการของ บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ (EARTH) ที่เป็นปัญหายักแย่ยักยันอีรุงตุงนังในการเดินเช่นเดียวกัน และเป็นอีวายเดียวกับที่เข้ามีส่วนร่วมจัดทำแผนฟื้นฟูการบินไทย แต่กลับแจ้งที่ประชุมคณะกรรมการว่าทำไม่เป็น ต้องนำเอาแผนจากอีวายต่างชาติมาแทน แต่ท้ายสุดก็ต้องพึ่งแผนของ สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ อดีตผู้บริหารพีทีทีจีซี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และแคนดิเดต รมว.พลังงาน ค่อยๆ ดูกันว่าบริหารแผน จัดทำแผนฟื้นฟูที่ไหนเป็นอย่างไร
*** กลับไปที่สหฟาร์ม เมื่อผู้บริหารแผนรู้จักไก่แค่ในเชลฟ์ห้างสรรพสินค้า ไม่รู้จักกระทั่ง ไก่สักตัว ตลาดไก่ การเลี้ยงไก่ ภาวะการบริโภค คู่ค้า แล้วจะบริหารแผนให้สำเร็จได้อย่างไร ตัวเลขที่ผ่านมาของสหฟาร์มน่าจะปรากฎยืนยันได้ดี จากที่พอเติบโตขยายตัวได้เลข 2 หลักทุกปี กลับทำได้แค่หลักหน่วย ตัวเลขผลกำไรต่อตัวต่อกิโลเคยทำได้ถึง 18 บาท กลับลดลงมาเหลือ 10 ต้นๆ จากที่ส่งเข้าโรงเชือด 8 แสนตัวต่อวัน ลดเหลือ 4 แสนตัวต่อวัน
*** ขณะที่ตลาดบริโภคทั้งภายในและส่งออกโตขึ้นทุกปีๆ กลับแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นไม่ได้ บริหารอย่างนี้แล้วจะนำเงินที่ไหนเป็นกอบเป็นกำมาคืนหนี้ได้ ที่สำคัญคืนหนี้ไม่ได้ไม่ว่ากลับชอกช้ำต้องเสียเงินค่าบริหารแผนไปไม่รู้สักเท่าไร ปล่อยมือเถอะ อย่าให้เจ้าหนี้การค้า เจ้าหนี้รายย่อยเขาชอกช้ำมากกว่านี้ ผู้บริหารธนาคารกรุงไทยเจ้าหนี้รายใหญ่ต้องกลับไปหวนคิด เป้าหมายใหญ่ของธนาคารอยู่ที่ไหน อยู่ที่เรียกหนี้คืนหรือจะเข้าครอบครองกิจการเขา แล้วจะเอาไปทำไม เมื่อตัวเองก็ทำไม่เป็น ทำไม่เป็นไม่ว่า แต่ต้องหาคนทำเป็นเข้ามาทำ ว่าไปธนาคารกรุงไทยนี่ก็แปลกๆ ในการเลือกผู้ทำแผนฟื้นฟูกิจการ
*** น่าเห็นใจและคงเป็นบทเรียนสำคัญของสุภาพบุรุษวัย 89 ปี ที่ชื่อ ปัญญา โชติเทวัญ ว่าที่จริงแล้วก็เป็นนักสู้มาแต่วัยกลางคน ชนมาทุกรูปแบบ แต่ก็พร่ำบ่นพร่ำสอนบุตร-ธิดา ให้ยอมๆๆ มีหนี้ต้องชดใช้หนี้ แต่ก็ต้องดูปัญหาเนื้อในของตนเอง ในสภาครอบครัวเสียงพ่อพูดยังเข้มขลัง ฟังและพร้อมเดินทิศทางเดียวกันทั้งหมดหรือไม่ หรือใครแตกแถว เปิดบ้านให้ข้าศึกเข้ามาทะลวงฟัน ทำให้ดันธุรกิจไปไม่สุด เกิดเหตุสะดุด เป็นบทเรียนของธุรกิจครอบครัว เมื่อเทียบกับเจ้าสัวใหญ่รายอื่น เมื่อไม่มีบุตร-หลาน สานต่อ เขาก็หามืออาชีพที่วางใจได้เข้ามา ก็ได้แต่หวังว่าเจ้าสัวปัญญาจะพ้นวิบากกรรมโดยเร็ววัน กลับมาตั้งลำตั้งหลักแก้มือครั้งสุดท้ายก่อนลาโรงเก็บฉากปิดตำนาน