“เรือดำน้ำ” ฝ่ายรัฐแพ้โหวต เสียหน้า

30 ส.ค. 2563 | 03:00 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ส.ค. 2563 | 11:49 น.

“เรือดำน้ำ” ฝ่ายรัฐแพ้โหวต เสียหน้า! : คอลัมน์ฐานโซไซตี ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3609 หน้า 4 ระหว่างวันที่ 30 ส.ค. – 2 ก.ย.2563 โดย... ว.เชิงดอย

 

“เรือดำน้ำ”

ฝ่ายรัฐแพ้โหวต

เสียหน้า!
 

            +++ เรื่อง “เรือดำน้ำ” ตอนแรกทำท่าว่าจะเป็นปัญหาร้อนแรง เป็นปัญหาใน “รัฐบาลบิ๊กตู่” หลังเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นคำขาดให้ทบทวน “ชะลอ” การจัดซื้อเรือดำน้ำ ลำที่ 2-3 วงเงิน 22,500 ล้านบาท ออกไปก่อน ไม่อย่างนั้นกรรมาธิการของพรรค 6 คน จะไม่โหวตสนับสนุน แต่พอตกค่ำวันที่ 26 สิงหาคม รายงานของ อนุ กมธ.ครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน ยังไม่เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 และได้ “เลื่อน” การพิจารณาออกไปก่อน เนื่องจากที่ประชุมติดพิจารณาเรื่องอื่นตลอดทั้งวัน ที่ประชุมจึงมีมติให้เลื่อนการพิจารณารายงานของอนุกมธ.ที่เหลือทั้งหมด รวมถึงรายงานของอนุกมธ.ครุภัณฑ์ฯ ไปพิจารณาพร้อมกัน ในวันจันทร์ที่ 31 สิงหาคมนี้
 

            +++ เกมของ “ประชาธิปัตย์” ที่กำลังช่วงชิงคะแนนนิยมจากปม “เรือดำน้ำ” ด้วยการไหลไปตามกระแสความต้องการของประชาชน ทำให้ “พลังประชารัฐ” ต้องแก้เกม ด้วยการเล่นบท “ยื้อ” ออกไปก่อน เพื่อตั้งหลัก “เช็กเสียง” ให้มั่นใจว่าแม้ไม่ได้รับเสียงหนุนจากประชาธิปัตย์ อย่างไรเสียเสียงที่เหลือในกมธ.งบประมาณ ก็เพียงพอที่จะทำให้ งบจัดซื้อ “เรือดำน้ำ” ผ่านที่ประชุมกรรมาธิการไปได้ อย่างไงๆ “บิ๊กในรัฐบาล” ก็คงไม่ปล่อยให้แพ้โหวตแน่นอน ไม่อย่างนั้น “เสียหน้า” แย่
 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ผวา “เรือดำน้ำ” ชน “เรือแป๊ะ” ทำ “ลุงตู่” พัง
วิกฤติเศรษฐกิจ เหตุปชป.“คว่ำเรือดำน้ำ”
นายกรัฐมนตรี ย้ำ คว่ำเรือดำน้ำ วันข้างหน้าต้องรับผิดชอบร่วมกัน
ชะลอ “เรือดำน้ำ” นำงบใช้ด้านอื่นก่อน

            +++ เมื่อไปวัดกำลังเสียงในการโหวตของกมธ.งบประมาณดู ที่มีทั้งหมด 72 เสียง โดยฝ่ายรัฐบาลมี 48 เสียง ประกอบด้วย ตัวแทนจากคณะรัฐมนตรี 18 เสียง และพรรคร่วมรัฐบาล 30 เสียง ส่วนฝ่ายค้านมี 24 เสียง หากเสียงของฝ่ายรัฐบาลจากประชาธิปัตย์ หายไป 6 เสียง ก็จะเหลือ 42 เสียง ฝ่ายที่ไม่เอาด้วยกับ “เรือดำน้ำ” รวมกันมี 30 เสียง โหวตอย่างไรก็แพ้ฝ่ายรัฐบาลอยู่ดี ...แต่แม้จะ “แพ้โหวต” ในกรรมาธิการฯ แต่ “ประชาธิปัตย์” ก็จะได้ “ใจประชาชน” ที่อยากให้ชะลอการจัดซื้อออกไป หรือ จากคนที่ไม่เห็นด้วยกับการซื้อเรือดำน้ำครั้งนี้
 

            +++ จากเรื่อง “เรือดำน้ำ” หันไปดูเรื่องร้อนอีกเรื่องหนึ่ง นั่นคือการ “แก้รัฐธรรมนูญ” ล่าสุด เริ่มเห็นองคประกอบของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่จะมาทำการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2560 แล้ว โดย ชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) บอกว่า รัฐบาลจะเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในนามของ “พรรคร่วมรัฐบาล” เพียงร่างเดียว โดยยึดหลักการแก้ มาตรา 256 เพื่อเปิดทางให้มี ส.ส.ร.มาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
 

            +++ สำหรับองค์ประกอบของส.ส.ร. จะมาจากการเลือกตั้งโดยตรง 150 คน, มาจากการคัดเลือกของส.ส.10 คน จากการคัดเลือกของส.ว.10 คน และมาจากการเลือกของที่ประชุมอธิการบดี เพื่อให้ได้ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมหาชน รัฐศาสตร์ และประสบการณ์ในการบริหารราชการแผ่นดิน 20 คน และมาจากนักเรียน นักศึกษา อีก 10 คน โดยกระบวนการการเลือกกันเอง ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เป็นผู้ดำเนินการกำหนดขั้นตอนและหลักเกณฑ์ ส่วนระยะเวลายกร่างรัฐธรรมนูญนั้น กำหนดไว้ภายใน 240 วัน และหลังจากนั้นเสนอให้รัฐสภาให้ความเห็นชอบ ก่อนนำขึ้นทูลเกล้าฯ และประกาศใช้ต่อไป แต่ถ้าหาก “รัฐสภา” ไม่ให้ความเห็นชอบ ก็ต้องไปทำประชามติ …ดูดูแล้วการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องใช้เวลา 1 ปีครึ่งถึง 2 ปี เป็นอย่างน้อย ถึงเวลานั้นก็จวนเจียนที่ “รัฐบาลบิ๊กตู่” ใกล้อยู่ครบเทอม 4 ปี ได้ “รัฐธรรมนูญใหม่” ก็สมควรแล้วที่จะ “ยุบสภา” เพื่อไปเลือกตั้งกันใหม่

            +++ หลังจากความเชื่อถือตกต่ำไปด้วยกันทั้งคู่ ทั้ง “อัยการ” และ “ตำรวจ” เมื่อถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์ว่า “คุกมีไว้ขังคนจน” ต่อกรณีสั่งไม่ฟ้อง วรยุทธ หรือ “บอส อยู่อยู่วิทยา” ทายาทเจ้าสัวกระทิงแดง ผู้ต้องหาซิ่งรถเฟอร์รารี่ ชนตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิต เมื่อปี 2555 ล่าสุด ทางตำรวจสน.ทองหล่อ ก็เร่งสรุปสำนวนคดีและตั้งข้อหาใหม่เพื่อส่งให้กับอัยการพิจารณาสั่งฟ้อง (รวดเร็วปานจรวด) โดยเป็นเรื่องเกี่ยวกับความเร็วรถ และ เสพสารเสพติด โดยการตั้งข้อหาใหม่กับ “บอส อยู่วิทยา”  3 ข้อหาคือ 1.ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนรถผู้อื่นเสียหาย มีผู้ถึงแก่ความตาย 2.ขับรถในทางก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคล ไม่หยุดรถและให้ความช่วยเหลือตามสมควรแก่ผู้ได้รับความเสียหายและไม่แจ้งเหตุต่อเจ้าพนักงานในทันที และ 3.เสพยาเสพติดให้โทษ ประเภท 2 (โคคาอีน) โดยผิดกฎหมาย เฮ่อ ๆ ...แล้วคดีที่ “สั่งไม่ฟ้อง-ไม่แย้งคำสั่งไม่ฟ้อง” ที่ผ่านไปแล้ว ก็ให้มันผ่านไปว่าอย่างนั้นเถอะ ง่ายดีจัง ที่ไหนไม่มี แต่ “ประเทศไทยมี”
 

            +++ ไปปิดท้ายกันที่ปฏิทินกิจกรรม... สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ร่วมกับ สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม จัดกิจกรรมการเจรจาธุรกิจ OSMEP CONNEXT THAILAND CAMBODIA 2020” ในวันเสาร์ที่ 26 กันยายนนี้ เวลา 09.30-16.30 น. ณ โรงแรม อวาณี สุขุมวิท กรุงเทพฯ กิจกรรมดังกล่าวดำเนินงานภายใต้โครงการส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจระดับเติบโตปี 2563 เพื่อสนับสนุนด้านการตลาดให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี กลุ่มธุรกิจอาหาร และเครื่องดื่ม เครื่องปรุงรส กลุ่มเครื่องสำอาง และ ผลิตภัณฑ์สปา ผ่านการพบปะและเจรจาธุรกิจ (Business Matching) กับคู่ค้าสมาคมธุรกิจจากราชอาณาจักรกัมพูชา ในรูปแบบออนไลน์ผ่านระบบ Virtual Matching Online โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สอบถามเพิ่มเติม โทร. 082-450-2616, 082-450-2630
 

ข่าว :: ก้าวข้าม ‘สงครามเบ็ดเสร็จ’ ก่อนแผ่นดินลุกเป็นไฟ