เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ผมได้รับเชิญจากหน่วยงานสาธารณสุข 3 อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก(สธ 3) และสำนักงานควบคุมโรคติดต่อเขต 2 จังหวัดพิษณุโลก(สคร 2) ให้มาเยี่ยมชมการบริหารด่านชายแดนแม่สอด เพื่อดูการบริหารจัดการทางด้านสาธารณสุข เพื่อป้องกันการทะลักเข้ามาทางด้านอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ซึ่งต้องบอกว่า หากเป็นสภาวะปกติที่ไม่มีเจ้าวายร้าย COVID-19 ระลอกสอง ที่กำลังระบาดอย่างรุนแรงในช่วงนี้ การบริหารจัดการนั้นจะไม่มีปัญหาเลย แต่วันนี้สถานการณ์ไม่ปกติ และหากเป็นเช่นนี้ต่อไป เชื่อว่าน่าจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทางสำนักงานสาธารณสุข 3 อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ที่ทำงานร่วมกับสำนักงานควบคุมโรคติดต่อเขต 2 จังหวัดพิษณุโลก เห็นว่าปัญหาทางด่านนี้ จะส่งผลต่อตัวเลขผู้ติดเชื้อจะเล็ดลอดเข้ามาได้ แต่ผมในฐานะประธานสภาธุรกิจไทย-เมียนมา นอกจากจะห่วงว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อแล้ว สิ่งที่จะตามมาคือจะส่งผลต่อเลขการส่งออกนั่นเองครับ
ในการจัดการทางด้านด่านแม่สอดนี้ การส่งออกสินค้าเขาจะดำเนินการโดยให้รถที่จะส่งสินค้าออกไป แบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่ๆ คือรถบรรทุกขนาดใหญ่ตั้งแต่สิบล้อขึ้นไปกับตั้งแต่หกล้อลงมา โดยหากตั้งแต่สิบล้อขึ้นไป เขาก็จะเดินพิธีการตามปกติ ไม่มีปัญหาอะไร เพราะเมื่อเดินพิธีการทางด้านศุลกากรเสร็จ ก็จะผ่านด่านสาธารณสุข เพื่อตรวจตัวของผู้ที่เดินทางเข้าออกไปกับรถบรรทุก จากนั้นจึงผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง แล้วจึงขับรถข้ามไปขนถ่ายยังฝั่งเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมาต่อไป
ส่วนที่เป็นปัญหาคือ รถตั้งแต่หกล้อลงมานี่แหละครับที่เป็นปัญหา เพราะในส่วนที่จะส่งออกไป เขาก็จะแบ่งออกเป็นสองประเภท คือสินค้าที่เป็นอาหารสดและของใหญ่ๆ เขาจะจัดไปลงขนถ่ายกันที่ลาน T2 ส่วนสินค้าที่เป็นชิ้นเล็กๆและอาหารแห้งต่างๆ เขาก็จะให้ไปลงขนถ่ายสินค้ากันที่ลาน T1 จากนั้นเขาจะให้คนขับรถทั้งสองฝั่งนั่งรอในสถานที่จัดเตรียมไว้ ซึ่งอยู่ในเต็นท์ผ้าใบแบบงานวัดนั่นแหละครับ จากนั้นก็จะให้กรรมกรเข้าไปขนย้ายสินค้า เพื่อรอให้กลุ่มชิปปิ้งไปเดินพิธีการ เมื่อเดินพิธีการแล้วเสร็จ ทางรถที่มารับสินค้าจากฝั่งเมียนมา จึงจะเริ่มเดินทางผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองกับไปยังเมืองเมียวดี ฝั่งเมียนมาต่อไป นี่คือการดำเนินการตามปกติครับ
เรามาดูสภาพที่เป็นจริงในวันนี้กันนะครับ แล้วท่านจะเข้าใจทันทีว่าทำไม ผมจึงต้องตีรถไปดูสถานที่จริงในวันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา และเป็นกังวลทั้งเรื่องของการค้าและการแพร่กระจายเชื้อ COVID-19 ระลอกสอง ผมจะเอาจุดตายที่ผมเห็นมานำมาเล่าให้อ่านเล่นนะครับ วันนี้สภาพของลานจอดรถที่จะเปลี่ยนถ่ายสินค้า ทางคณะทำงานไม่สามารถที่จะควบคุมได้เลย พอรถทั้งฝั่งไทยถอยหลังไปรอให้รถทางฝั่งเมียนมาถอยรถเข้ามาชนท้ายกันตามปกติ แต่การขนถ่ายสินค้ายังไม่มีหน่วยงานไหนมารับผิดชอบในการช่วยเปลี่ยนถ่ายสินค้า ดังนั้นทางฝั่งเมียนมาและฝั่งไทย ก็ต่างต้องใช้กรรมกรของตนเอง กรรมกรเหล่านั้นต้องทำงานกลางแดดร้อน พอร้อนหายใจไม่ทัน หน้ากากอนามัยที่สวมใส่มาก็ปลดลงมาใต้คาง พอเจ้าหน้าที่ทหารที่มาช่วยรักษาการณ์เห็น ก็เข้าไปเตือน เขาก็ชักหน้ากากขึ้นมาปิดหน้าเหมือนเดิม พอทหารหันหลัง เขาก็ชักลงอีก ทำเป็นลิงหลอกเจ้าไปตามเรื่องตามราวครับ ดังนั้นหากคนฝั่งใดฝั่งหนึ่งติดเชื้อเจ้าวายร้ายเข้ามา ก็คงต้องระบาดหนักแน่นอน ส่วนอีกจุดหนึ่งที่ยังแก้ไม่ตก คือที่จอด T1, T2, M1 เจ้าหน้าที่เนื่องจากมีงบประมาณไม่เพียงพอ จึงได้ใช้เต็นท์งานวัดมาตั้งไว้ เพื่อเป็นที่ทำการตรวจเช็คร่างกาย และเป็นที่พักรอของคนรถทั้งฝั่งไทยและฝั่งเมียนมา ดังนั้นพอแดดร้อน เขาก็ต้องเข้าไปหาที่ร่มเย็นๆเพื่อหลบร้อน สถานการณ์เช่นนี้เป็นการสุ่มเสี่ยงที่จะกระจายเชื้ออย่างยิ่ง เพราะเราไม่รู้ว่าใครเป็นผู้ติดเชื้อเข้ามาในประเทศไทยเรา นี่เป็นอีกจุดหนึ่งที่อันตรายเป็นอย่างยิ่งครับ
อีกจุดที่ผมเห็นคือการไม่พูดความจริงของผู้ที่เข้ามาติดต่อราชการ เพราะมีการเวียนเทียนชื่อบุคคลที่เข้าประเทศเราอยู่ เพราะเขาเหล่านั้นแจ้งชื่อกับเจ้าหน้าที่เรา มักจะไม่ตรงกับที่เอกสารระบุ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขต้องปวดหัวกับเรื่องนี้มากๆ ตามที่เจ้าหน้าที่มาอธิบายให้ผมฟัง เป็นที่ตลกขบขันเป็นอย่างยิ่งครับ เพราะเจ้าหน้าที่ไทยของเราก็อ่านภาษาเมียนมาไม่ออก นาย Khin Mong Mong กลายเป็นนาย U Khing Aung เป็นงั้นไป ดังนั้นการคัดกรองผู้เข้ามา จึงทำได้ยากมาก ยังมีอีกจุดที่ผมเห็นปัญหา คือความสะอาดในพื้นที่ปฏิบัติงาน เพราะว่าวันนี้ที่ด่านสะพานมิตรภาพแห่งที่ 2 น้ำปะปายังเข้าไปไม่ถึง ดังนั้นจึงต้องใช้น้ำบาดาล และการซื้อน้ำจากรถขนน้ำมาใช้งานอยู่ ดังนั้นสถานที่ด่านเพิ่งจะเปิดใช้ไม่นาน ห้องน้ำที่อยู่ในอาคาร จึงชำรุดสกปรกเป็นอย่างยิ่ง เรียกว่าท่านเข้าไปใช้ห้องน้ำ นึกว่าเราอยู่ในห้องน้ำประเทศจีนเมื่อยี่สิบปีก่อนแน่นอน พอออกจากห้องน้ำ ที่ลานจอดรถเปลี่ยนถ่ายสินค้า ก็คละคลุ้งไปด้วยขยะ และพื้นก็สกปรกเหม็นเน่าไปด้วยกลิ่นน้ำของปลาที่ไหลออกมาจากรถ เรี่ยลาดบนลานจอด เพราะไม่มีน้ำมาล้างชำระ แล้วเราบอกว่าที่นี่เป็นที่ดูแลด้านสาธารณสุขเพื่อตรวจคัดกรองผู้ติดเชื้อ จึงไม่น่าจะเป็นไปได้เลยครับ เพราะมันไม่เหลือสภาพที่จะให้เชื่อถือได้เลยครับ
ถ้าจะแก้ไขในความคิดของผม ผมคิดว่าทางเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในพื้นที่ทุกท่าน ทราบถึงปัญหาเป็นอย่างดี ท่านในฐานะเจ้าของพื้นที่ คงต้องส่งหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุข ลงไปดูได้แล้วครับ คงต้องทำอย่างเร่งรีบ เข้าไปดูสถานที่จริงเถอะครับ หรือท่านจะเจียดงบประมาณฉุกเฉิน หรืองบประมาณป้องกันโควิด-19 มาสักสิบยี่สิบล้านบาท เพื่อรีบไปจัดการโดยด่วน เพื่อจะได้ปกป้องไม่ให้มีการกระจายเชื้อโรคให้ระบาดเข้ามาในประเทศไทยเรา อย่ารอให้วัวหายแล้วจึงมาล้อมคอกเลยครับ ตอนนี้ท่านใช้งบแค่เล็กน้อย ในการแก้ไขที่ต้นเหตุก่อน ดีกว่ารอให้เมื่อมีการระบาดของโรคร้ายแล้วจึงค่อยมาคิดแก้ไข ซึ่งเมื่อเทียบกับงบประมาณที่จะต้องใช้ในการแก้ไขเมื่อถึงเวลานั้น ผมคิดว่าไม่คุ้มกันเลย และจะส่งผลกระทบให้ตัวเลขส่งออกของประเทศที่ทำการค้ากับประเทศเมียนมาในด่านนี้ลดลงอย่างมากมาย ซึ่งส่งผลเสียหายนับมูลค่ามิได้ครับ