ก่อนสิ้นปีเก่าแบบนี้ทุกปี สื่อมวลชนแต่ละสายข่าวจะมีการ “ตั้งฉายา” แสบๆ คันๆ ให้กับ คีย์แมนคนสำคัญ และไม่ใช่คนสำคัญในสายข่าวนั้นๆ เป็นการประมวลการทำงานในรอบปี ปีนี้ก็เช่นกัน ที่ฮือฮาเสมอ ทั้งสื่อสายตำรวจ สายรัฐสภา และ ทำเนียบรัฐบาล
เริ่มจาก นักข่าวสายอาชญา กรรม ตั้งฉายาตำรวจประจำปี 2563 โดยมีการเสนอรายชื่อนายตำรวจเข้ามา และทำการคัดเลือกเหลือเพียง 11 นาย ไฮไลท์คือ เบอร์ 1 ของสีกากี “พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ” ได้รับฉายาว่า “ผบ.หลบฉาก” พร้อมกับมีคำอธิบายว่า
เนื่องจากเป็นนายตำรวจมากฝีมือ การก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งสูงสุดขององค์กรตำรวจ ได้ตั้งความหวังให้กับพี่น้องประชาชนถึงการทำงานของตำรวจยุคใหม่ โดยเฉพาะการคลี่คลายคดีที่สังคมให้ความสนใจ เช่น คดีการหายตัวไปของน้องชมพู่ แต่จนแล้วจนรอดยังสร้างความแคลงใจให้กับสังคมถึงการหายตัวไปของน้องชมพู่ จนทุกวันนี้ยังไร้คำตอบ และยังไม่ค่อยเห็นการชี้แจงถึงความคืบหน้าในคดีต่างๆ และคอยหลบการให้สัมภาษณ์จากสื่อมวลชน มีเพียงการมอบหมายให้ทีมงานโฆษกชี้แจงเท่านั้น จึงเป็นที่มาของฉายา ผบ.หลบฉาก
ถัดมาเป็น สื่อมวลชนสายรัฐสภา ให้ฉายา “สภาผู้แทนราษฎร” เป็น “ปลวกจมปลัก” ส่วน วุฒิสภา ได้ฉายา “สภาปรสิต” ขณะที่ “ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร” ได้ฉายาว่า ครูใหญ่ไม้เรียวหัก
พร้อมคำอธิบายว่า ทุกครั้งที่ ชวน หลีกภัย ขึ้นทำหน้าที่ประธานการประชุมสภา ไม่เคยถูกกังขาถึงความเป็นกลางแม้แต่ครั้งเดียว และตลอดปีที่ผ่านมาก็ยังยึดแนวทางดังกล่าวไว้ได้อย่างมั่นคง นอกเหนือไปจากการ พยายามควบคุมการประชุมสภาแล้ว ประธานสภายังสวมบท “ครูใหญ่” ที่ถือไม้เรียวคอยกวดขันวินัยของส.ส. ที่หย่อนยานอีกด้วย เช่น การตักเตือน ส.ส. ให้สวมหน้ากากในห้องประชุมสภา เพื่อคุมการระบาดของโควิด-19 หรือการขอความร่วมมือ ส.ส. ให้ความสำคัญกับการประชุมสภา เป็นต้น
แต่ปรากฏว่า ส.ส.การ์ดตกทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นการละเลยการสวมหน้ากากอนามัย หรือแม้แต่เรื่องเล็กๆ อย่างขอความร่วมมือ ส.ส.งดนำอาหารและเครื่องดื่มเข้ามารับประทานในห้องประชุมก็ไม่เป็นผล
และที่ร้ายแรงที่สุด คือเหตุการณ์สภาล่ม ซึ่งเป็นตัวสะท้อนให้เห็นว่าต่อให้ประธานสภาจะยึดมั่นหลักการแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ เพราะ ส.ส.ส่วนใหญ่ไม่ให้ความสำคัญ เหมือนกับครูใหญ่ที่มีไม้เรียวและต่อให้ฟาดแรงจนไม้เรียวหักคามือ ส.ส.ก็ไม่ได้รู้ร้อนรู้หนาวแต่อย่างใด
ข้ามฟากมาที่สื่อทำเนียบรัฐบาล ให้ฉายารัฐบาล “Very กู้” เปรียบเปรยการทำงานของรัฐบาล ที่ต้องกอบกู้ วิกฤติจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคโควิด-19 กู้ชีวิตคนไทยให้อยู่รอดปลอดภัย แม้จะยังไม่สามารถกลับสู่ภาวะปกติได้ แต่ก็ยังดีกว่าหลายประเทศ แม้จะไม่ถึงขั้น very good ก็ตาม
ขณะเดียวกัน ผลพวงจากวิกฤติเศรษฐกิจ และปัญหาปากท้องคนไทยที่ต้องแบกรับภาระหนี้สิน และภาวะตกงาน บางคนต้องจากโลกนี้ไปด้วยไม่อาจรับได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น ส่งผลให้รัฐบาลต้องกู้เงินสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ มาบรรเทาปัญหา
ส่วนหัวหน้ารัฐบาลนายกฯลุงตู่ ได้ ฉายา “ตู่ไม่รู้ล้ม” เป็นการล้อคำ “โด่ไม่รู้ล้ม” ชื่อยาดองชนิดหนึ่ง สรรพคุณคึกคัก กระปรี้กระเปร่าไม่รู้จักเหน็ด เหนื่อย สะท้อนถึงการทำงาน ของนายกรัฐมนตรี ที่ไม่ว่าจะประสบปัญหา อุปสรรคการเมือง หรือชุมนุมขับไล่ถาโถม ก็ยังยืนหยัดฝ่าฟันอยู่ในตำแหน่งได้ต่อไป
ล้อกับ วาทะแห่งปี “ไม่ออก... แล้วผมทำผิดอะไรหรือ” ซึ่งเป็นคำกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ตอบข้อสักถามสื่อมวลชน พร้อมกับบรรดาคณะรัฐมนตรีที่ยืนเรียงหน้าประกาศความเหนียวแน่น เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล หลังกลุ่มผู้ชุมนุม ยื่นข้อเสนอให้นายกรัฐมนตรี ลาออกจากตำแหน่ง
ส่วนฉายาของทุกท่านที่ได้รับจากทุกสายข่าว ท่านผู้อ่านหาอ่านได้ไม่ยาก และในฐานะสื่อมวลชนคนหนึ่ง ก็อยากฝากบอกทุกท่านว่า ฉายาเหล่านี้ ติเพื่อก่อนะครับ…