>> โควิด-19 ยังเป็นภัยคุกคามอิทธิพลสูงที่สร้างปัญหาทุกมิติ แม้ผู้ติดเชื้อลดจากวันละ 2,000 กว่าๆ ลดลงมาเหลือล่าสุดเพียง 1,763 คน ก็ไม่น่ากลัวเท่าเรื่องจำนวนผู้เสียชีวิตรายวันที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่จำนวนผู้ป่วยอาการหนัก รวมถึงผู้ป่วยใช้เครื่องช่วยหายใจที่ค้างอยู่ในระบบ เป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต ที่จะเห็นตัวเลขเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จำนวนมากกว่า 1 พันคน
กรณีผลกระทบจากการจำกัดการแพร่เชื้อรอบนี้ ซึ่งไม่ต่างจากรอบแรก ทำให้กิจกรรมทุกอย่างหยุดนิ่ง ระบบการเงินไม่เกิดการหมุนเวียน จนเกิดปัญหาการขาดสภาพคล่องซึ่งจะส่งผลกับระบบเศรษฐกิจแบบที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในปี 2563
ปัญหาการประเมินสถานการณ์ที่ผิดพลาดของภาครัฐ ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเพิ่มสูงขึ้น สร้างกระแสความไม่พอใจ ทำให้รัฐบาลถูกมองว่า ทำอะไรก็ผิด ทั้งเรื่องการเลือกใช้ยี่ห้อของวัคซีน เรื่องการออกมาตรการควบคุม ที่ออกมาตรการมาก็ผิด...ไม่ออกมาตรการก็ผิด จนทำให้ฝั่งตรงข้ามรัฐบาล พยายามเกาะกระแสความไม่พอใจนี้ เพื่อโจมตีรายวันในทุกช่องทาง
จากนี้ไปก็คงต้องตามดูว่ารัฐบาลจะแก้เกมอย่างไร ถ้าหากทำได้จำนวนผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วย และผู้เสียชีวิตก็คงจะลดน้อยลง และรัฐบาลก็ได้อยู่ต่อ แต่ถ้ายังไปไม่ถูกที่ถูกทาง...หรือยังเกาไม่ถูกที่คัน จากนี้ไปก็คงจะนับวันถอยหลังกันได้เลยเจ้าค่ะ
>> การดันราคาหุ้นกลุ่มกระเบื้องปูพื้นเซรามิคอย่าง COTTO DCC และ UMI ในรอบนี้ อาจมองได้ในหลายมุมมอง อย่างแรก คงเป็นเรื่องของผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 1/64 โดยทาง COTTO มีรายได้ 2,806 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสำหรับงวด 187 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ DCC มีกําไรสุทธิไตรมาส 1/64 อยู่ที่ 493 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% เมื่อเทียบจากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 37% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนแต่ในทางกลับกัน ในส่วนของ UMI ที่ราคาหุ้นถูกปรับบวกขึ้นไปถึง 13.28% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาก (30 เม.ย.) กลับยังไม่มีความชัดเจนเรื่องของผลการดำเนินงานออกมา
ดูเหมือนว่า การดันราคาหุ้นกระเบื้องปูพื้นในรอบนี้ จะสอดคล้องกับเรื่องการดันราคาหุ้นกลุ่มอื่นก่อนหน้า สลับเวียนไปเกือบทุกกลุ่ม ก่อนหน้านี้ก็มีกลุ่มเหล็กและกลุ่มลีสซิ่ง ถูกดันราคาขึ้นมาก่อนที่เงียบหายไป ดังนั้น เจ๊เมาธ์ ตั้งข้อสังเกตเอาไว้ว่า อย่าไปสนใจหุ้นพวกนี้เลยนะคะ เตือนว่า อย่าได้เต้นไปกับหุ้นที่มาไว...ไปไว พวกนี้เลยค่ะ ของดีๆ ยังมีในตลาดอีกมากนะคะ
>> แอบส่อง UPA หลังจากที่ปล่อยข่าวว่าจะส่ง “แคนนา แคร์” บริษัทย่อย เข้าไปลงทุนซื้อหุ้นเพิ่มทุน บริษัท โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล กรุ๊ป จำกัด (GTG) เพื่อเปิดทางให้บริษัทได้เกาะกระแสกัญชงกัญชาอย่างเต็มตัว อ่ะๆๆ แต่...ทำไมในข่าวยังมีติ่งห้อยท้ายว่า “ยังมีความไม่แน่นอน” ในการลงทุนกันอยู่น๊า
บอกไว้เลยว่า นอกจากกลุ่ม GTG จะมีคนนามสกุลใหญ่อย่าง “เจียรวนนท์” นั่งบอร์ดอยู่ มีน้ำมันใบไม้สีเขียว ถือหุ้นด้วย ยังมีเรื่องจำนวนเงิน ที่บอกว่าจะเอาไปลงทุน แต่เป็นเงินแค่ 50 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนเพียงแค่ 2.27% ของ GTG แล้วมันจะได้อะไรกันค่ะ หรือว่า แค่ปล่อยข่าวดันราคาหุ้นเอามันกันแน่น๊า อิอิอิ
>> ราคาหุ้น AIE ถูกลากราคาขึ้นไปสูงสุดถึง 2.70 บาท ก่อนที่จะร่วงลงมาอยู่ตํ่ากว่า 2 บาท/หุ้น หลังจากที่ขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 30 เม.ย. โดยได้ปันผลเป็นเงินสด 0.05 บาทต่อ และได้วอแรนท์ AIE-W2 อัตราส่วน 5 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หน่วย ในราคาใช้สิทธิ 1 วอแรนท์เท่ากับ 0.25 บาท
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าราคาจะร่วงลงมาแรง...แต่ บล.เอเชียเวลล์ ยังให้ราคาเป้าหมายที่ 2.76 บาท โดยมองว่าถึงแม้จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด ของ COVID-19 ระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นในช่วงปลายไตรมาส 1/6 แต่ยังคาดว่า รัฐบาลฯ มีจัดหาวัคซีน ป้องกัน COVID-19 เพิ่ม และคาดว่าจะมีการฉีดอย่างแพร่หลาย ทำให้เชื่อว่าแนวโน้มการใช้ไบโอดีเซลจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
อ้อ...อย่าลืมมองไปที่ AIE-W2 ที่จะออกมาใหม่นะคะ บอกได้แค่ว่าตัวนี้เล่นสนุกจริง ๆ ค่ะ
>> มีเสียงกระซิบเข้ามาถึงเจ๊เมาธ์ ค่ะว่า “วิวรรธน์ เหมมณฑารพ” แห่ง PJW มั่นอก-มั่นใจผลการดำเงินปี 2564 นี้ จะกลับมา Turnaround หลังจากที่ไม่ไปไหนมานาน สรุปสาระสำคัญจับใจความได้ว่า โรงงานที่จีนที่เคยขาดทุนจะกลับมามีกำไร และงานที่ทำกำไรดีอยู่แล้ว ก็จะมีโปรเจ็กต์ใหม่ๆ ดีๆ เข้ามาเพิ่มมูลค่า ส่วนเรื่องดีจริงๆ ในเวลาอันใกล้นี้ รอดูผลการประชุมบอร์ดกันให้ดีนะคะ บอกได้แค่ว่า PJW น่าจับตามอง มากๆ ค่ะ