สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-9 ที่มียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังพุ่งขึ้นเป็นรายวัน ตัวเลขยังอยู่ในระดับ 4 หลัก หรือกว่าพันคน ติดต่อกันมาใกล้จะครบเดือน ยอดการติดเชื้อระลอกใหม่ตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 เป็นต้นมาถึงขณะนี้สะสมไปแล้วกว่า 6.4 หมื่นคน มียอดผู้เสียชีวิตสะสมกว่า 424 ราย สถานการณ์ ณ วันนี้ ยังถือว่าไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ เกิดการติดเชื้อจากคลัสเตอร์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้น
ความหวังที่จะสกัดการแพร่ระบาดได้ ทุกฝ่ายมุ่งไปที่การฉีดวัคซีนให้กับประชาชนให้ได้ครอบคลุมมากที่สุด แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นประชาชนยังไม่มีความมั่นใจหรือมีความเชื่อมั่นกับผลกระทบเมื่อฉีดวัคซีนไปแล้ว เห็นได้จากการเปิดลงทะเบียนฉีดวัคซีน “หมอพร้อม” ให้กับกลุ่มเป้าหมายแรก ยังมีจำนวนน้อยราว 2 ล้านคน ต่ำกว่าเป้าหมายที่มีอยู่ราว 16 ล้านคน ที่จะดำเนินการฉีดในเดือนมิถุนายน 2564
จึงได้เห็นรัฐบาลหรือหน่วยงานทางการแพทย์ต่างๆ เร่งออกมาเชิญชวน สร้างความเชื่อมั่นในการฉีดวัคซีน และพยายามที่จะปลดล็อกเงื่อนไขต่างๆ เพื่อให้ประชาชนได้เข้าถึงหรือได้รับการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุด
เป็นที่มาของมติคณะกรรมการ (บอร์ด) วัคซีนแห่งชาติ เห็นชอบใน 3 ประเด็น ได้แก่ การเพิ่มจำนวนวัคซีนจากเป้าหมายเดิมที่กำหนดไว้ 100 ล้านโดส เป็น 150 ล้านโดส ภายในปี 2565 เร่งทำงานเชิงรุกเพื่อให้การเจรจาจัดซื้อวัคซีนให้คืบหน้ารวดเร็ว ซื้อให้ได้มากที่สุด เพื่อเพิ่มโอกาสรับวัคซีนที่ดีที่สุดครอบคลุมถึงการกลายพันธุ์หรือสายพันธุ์อื่นๆ และการปรับแนวทางการฉีดวัคซีนให้ปูพรมฉีดเข็มแรกให้กับประชาชนให้มากที่สุด เพื่อลดโอกาสในการติดเชื้อและความรุนแรงของโรค เพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตให้เข้าถึงวัคซีนได้อย่างรวดเร็ว
รัฐบาลตั้งเป้าหมายการฉีดวัคซีนเข็มแรกแบบปูพรม ให้กับประชาชนทุกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2564 เป็นต้นไป โดยเฉพาะการปลดล็อกที่ให้ในกลุ่มเป้าหมายบางกลุ่มสามารถวอล์ค อิน เข้ามาฉีดวัคซีนได้ จะเป็นเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ที่ต้องการฉีดวัคซีนได้อีกทางหนึ่ง
ความพยามของรัฐบาลในการเร่งจัดหาและฉีดวัคซีน ไม่เพียงแต่เป็นการควบคุมการระบาดของไวรัส-โควิด-19 แต่ยังเป็นเรื่องของปากท้องของประชาชนทั้งประเทศ ที่จะช่วยให้กิจกรรมต่างๆ กลับมาดำเนินการได้ตามปกติ
ข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ชี้ให้เห็นว่า หากการจัดหาและกระจายวัคซีนได้น้อยกว่า 64.4 ล้านโดส การขยายตัวทางเศรษฐกิจหรือจีดีพี ของประเทศในปี 2564 จะเติบโตเพียง 1% และจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้มาเพียง 8 แสนคน และหากจัดหาและกระจายวัคซีนได้จำนวน 64.4ล้านโดส จะส่งผลให้จีดีพีขยายตัวได้ 1.5% มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาที่ 1 ล้านคน แต่หากจัดหา กระจายวัคซีนได้เร็วจำนวน 100 ล้านโดสภายในปีนี้ จะส่งผลให้จีดีพีขยายตัวที่ 2% มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามา 1.2 ล้านคน และจะส่งผลให้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 มีนักท่องเที่ยวเข้มาถึง 15 ล้านคน
นั่นหมายความว่าการเร่งฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั้งประเทศได้เร็วเท่าใด จะเป็นตัวบ่งชี้ถึงภาวะเศรษฐกิจของประเทศ จะกลับมาได้เร็วขึ้นด้วย ส่งผลดีต่อสภาพความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน คืนกลับมาสู่ภาวะปกติได้