สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ถึงวันนี้ยังถือว่าอยู่ในขั้นวิกฤติ ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังทรงตัวอยู่ในระดับกว่า 2-3 พันคนต่อวัน และต่อเนื่องมาเป็นเดือน หลายฝ่ายต่างวิตกกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ทรงตัวอยู่ในระดับนี้ มีโอกาสที่จะนำไปสู่การแพร่ระบาดระลอกที่ 4 เกิดขึ้นอีกได้ ซึ่งจะส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ในแต่ละวันพุ่งสูงขึ้นอีก
ความหวังทางเดียวที่จะหยุดยั้งการติดเชื้อ ดูจากประเทศต่างๆ ทั่วโลก คือการกระจายการฉีดวัคซีนให้ได้เร็วที่สุด และต้องครอบคลุมประชากรให้ได้อย่างต่ำ 70 % ของประชากรทั้งประเทศ
ในขณะที่ไทยเองมีประชากรราว 66 ล้านคน แต่ถึงเวลานี้ฉีดวัคซีนไปได้ราว 6-7 ล้านโดส หรือไม่ถึง 5% ของประชากรที่มีอยู่ นั่นแสดงให้เห็นถึงโอกาสที่จะมีผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งสูงขึ้นได้
เมื่อวัคซีนเป็นความหวัง แต่ถึงเวลานี้การบริหารจัดการวัคซีนของรัฐบาล ดูเหมือนว่าจะไร้ซึ่งประสิทธิภาพ เกิดความปั่นป่วนในการกระจายวัคซีนให้เป็นไปอย่างทั่วถึง ประชาชนที่มีความต้องการฉีดวัคซีน มีการลงทะเบียนตามขั้นตอนที่ภาครัฐ กำหนดวัน สถานที่ฉีดวัคซีนชัดเจน แต่สุดท้ายวัคซีนไม่มา ต้องเลื่อนนัดวันฉีดวัคซีนกันเป็นจำนวนมาก สร้างความไม่พอใจกันเป็นระนาว
ด้วยเหตุที่ทุกคนกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ที่มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นทุกวัน กิจกรรมต่างๆ ที่เคยปฏิบัติหยุดชะงัก การใช้ชีวิตประจำวันไม่ปกติ เกิดความเบื่อหน่ายออกจากบ้านไม่ได้ เพราะกังวลเมื่อออกไปสถานที่ต่างๆ แล้วเกรงว่าจะติดเชื้อกลับมา จากที่เคยลังเลในการฉีดวัคซีน หรือเลือกชนิดวัคซีน เมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดเป็นอย่างนี้ จึงไม่เรื่องมากเหมือนแต่ก่อน วัคซีนชนิดใดมีจึงคว้าเอาไว้ก่อน ขอให้ฉีดวัคซีนเป็นเร็วที่สุดเท่านั้น
จึงเกิดปรากฏการณ์ความต้องการฉีดวัคซีนเกิดขึ้น หน่วยงานใดหรือองค์กรใดเปิดให้ลงทะเบียนฉีดวัคซีน ก็ไปลงทะเบียนไว้ทั้งหมด ไม่เว้นแต่วัคซีนทางเลือก ต้องเสียเงินฉีดวัคซีนก็ตาม แต่สุดท้ายก็รอเก้อ เพราะวัคซีนไม่มาตามแผนที่วางไว้
ในขณะที่รัฐบาลพยายามสร้างความมั่นใจให้กับผู้จะได้รับวัคซีน ยืนยันยังเป็นไปตามแผน แม้จะมีความล่าช้าบ้าง อ้างเหตุธรรมชาติของการผลิตวัคซีนมีความไม่แน่นอนค่อนข้างสูง การผลิตจึงต้องตรวจสอบและควบคุมคุณภาพทั้งภายในและจากต่างประเทศ การจัดสรรต้องคำนึงถึงข้อมูลวิชาการ พื้นที่ สถานการณ์การระบาด การตรวจสอบคุณภาพวัคซีนทุกล็อตต้องใช้เวลา
รัฐบาลยืนยันว่า ระหว่างวันที่ 7-20 มิถุนายน จำนวน 3 ล้านโดส เป็นซิโนแวค 1 ล้านโดส แอสตร้าเซเนก้า 2 ล้านโดส ส่งให้กรุงเทพมหานคร 5 แสนโดส เป็นแอสตร้าเซเนก้า 3.5 แสนโดส ซิโนแวค 1.5 แสนโดส ประกันสังคม 3 แสนโดส มหาวิทยาลัย 11 แห่ง 1.5 แสนโดส ผู้ที่ลงทะเบียนผ่านหมอพร้อม 76 จังหวัด 1.1 ล้านโดส รวมถึงส่วนที่เอาไว้รองรับสถานการณ์การระบาด เช่น จ.เพชรบุรี และงวดที่ 2 กำหนดกระจาย 21 มิถุนายน-2 กรกฎาคมนี้อีก จำนวน 3.5 ล้านโดส เป็นซิโนแวค 2 ล้านโดส แอสตร้าเซเนก้า 1.5 ล้านโดส
จากนี้ไปก็ต้องมารอดูกันว่า รัฐบาลจะสามารถจัดสรรวัคซีนได้ตามที่พูดหรือไม่ ที่สำคัญจะเร่งจัดหาหรือเร่งฉีดวัคซีนได้เร็วแค่ไหน หรือเร็วกว่าแผนที่วางไว้ได้หรือไม่ ซึ่งถือเป็นการบ้านที่ท้าทายให้กับรัฐบาลชุดนี้