100 ปีของการเดินทางไกล ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน (จบ)

08 ก.ค. 2564 | 08:12 น.

100 ปีของการเดินทางไกล ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน(จบ)  : คอลัมน์มังกรกระพือปีก โดย...ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน หน้า 4 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,694 วันที่ 8 - 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 

อีกเรื่องหนึ่งที่พรรคฯ ให้ความสำคัญก็คือ การยกระดับให้เงินหยวนเป็นเงินสกุลสากล ผ่านการสร้างอุปสงค์ในหลายรูปแบบ และหนึ่งในก้าวย่างสำคัญ ก็ได้แก่ การผลักดันให้เงินหยวนเป็นสกุลเงินในตะกร้าเงินของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) สำเร็จในปี 2016 และการทดลองใช้เงินหยวนดิจิตัลในปี 2020 ซึ่งจีนเตรียมเปิดโอกาสให้ต่างชาติได้มีโอกาสใช้เงินหยวนดิจิตัลในช่วงที่ปักกิ่งจะเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกฤดูหนาวในต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2022

 

เพื่อเผชิญกับภัยคุกคามจากภายนอกด้านความมั่นคงและการต่อสู้กับความยากจน จีนก็กระชับพื้นที่และกำกับควบคุมการประพฤติตนที่ไม่เหมาะสมของภาคประชาชนเป็นระยะ ยกตัวอย่างเช่น ในปี 2018 จีนออกกฎหมายจัดระเบียบคนที่ส่อเค้าจะเป็นภัยต่อความมั่นคงในซินเจียง โดยจับเข้าศูนย์ฝึกอาชีพ (Vocational Training Camp) เพื่อปรับทัศนคติและสร้างงานสร้างอาชีพ 
 

และในสองปีต่อมา จีนก็ออกกฎหมายความมั่นคงฮ่องกง ซึ่งช่วยให้สามารถลดปัญหาการชุมนุมประท้วงเรียกร้องสิทธิ์ที่เกินขอบเขตของชาวฮ่องกงได้อย่างชะงัด ทำให้ฮ่องกงกลับสู่ความสงบสุข และพร้อมจะเติบโตอย่างเสถียรภาพอีกครั้ง
 

ภายใต้สภาพเศรษฐกิจโลกที่อ่อนแอ ผันผวน และเปราะบาง เศรษฐกิจจีนที่เคยเติบโตอย่างหวือหวา และเพิ่มระดับการพึ่งพาเศรษฐกิจโลกในช่วง 30 ปีแรกหลังการเปิดประเทศ ได้ถูกปรับเข้าสู่ดุลยภาพใหม่ที่มีอัตราการเติบโตในระดับที่ต่ำลง จีนหันมามุ่งเน้นการเติบโตในเชิงคุณภาพ คำว่า “การปฏิรูป” “วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี” และ “นวัตกรรม” กลายเป็นคำยอดฮิตในจีนในเวลาต่อมา 

 

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดก็คือ นโยบาย “Made in China 2025” ที่เริ่มขึ้นเมื่อปี 2015 จีนกำหนด 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายแห่งโลกอนาคตเพื่อหวังใช้เป็นกลไกหลักในการพัฒนาประเทศในยุคหน้า อาทิ ไบโอเทค วัสดุใหม่ พลังงานทดแทน รถยนต์พลังงานรูปแบบใหม่ หุ่นยนต์ อินเตอร์เน็ตพลัส ปัญญาประดิษฐ์ พาณิชย์นาวี และอวกาศ และยังเหลือเวลาอีกราวครึ่งทางในการดำเนินนโยบายดังกล่าว เมื่อนโยบายนี้สิ้นสุดลง จีนก็อาจสานต่อด้วยนโยบาย “Innovated in China 2035” 


จีนยังปรับโครงสร้างโดยหันมาพึ่งพาภาคการบริโภคภายในประเทศ และพัฒนาภาคบริการและการเกษตรในระดับที่สูงขึ้น ตลอดจนการสานต่อนโยบายพัฒนาพื้นที่ตอนกลางและตะวันตกของจีน เราจึงเห็นพื้นที่ตอนในของจีนเจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว จีนจึงไม่เพียงแต่กำลังยกสถานะสู่การเป็น “ศูนย์กลางการผลิตที่ทันสมัยของโลก” แต่ยังกำลังก้าวขึ้นเป็น “ตลาดของโลก” อีกด้วย
                                 100 ปี พรรคคอมมิวนิสต์จีน

กว่า 4 ทศวรรษหลังการเปิดประเทศ เศรษฐกิจจีนเติบโตอย่างที่ไม่เคยมีประเทศใดในโลกทำได้มาก่อน แม้กระทั่งในปี 2020 ที่จีนประสบวิกฤติโควิด-19 แต่จีนก็เป็นเพียงเศรษฐกิจใหญ่แห่งเดียวในโลกที่เติบโตเป็นบวก ส่งผลให้ช่องว่างทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯ และจีนลดเหลือเพียงราว 5 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์โลกยุคใหม่

 

ความสำเร็จดังกล่าวยืนยันถึงความสำคัญยิ่งของการดำรงอยู่ของพรรคฯ ต่อการมีจีนใหม่ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชนิด “พลิกฟ้า พลิกแผ่นดิน” ช่วยให้ชาวจีนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างแท้จริงและยั่งยืน จีนสร้าง “ประวัติศาสตร์ใหม่” ของการพัฒนาโดยเปลี่ยนจากยุคสมัยของการ “ไม่พอมี ไม่พอกิน” สู่การ “พอมี พอกิน” 

 

การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวยังแฝงไว้ซึ่งมีความยิ่งใหญ่และทั่วถึง ในปลายปี 2020 จีนประกาศว่าสามารถบรรลุเป้าหมายในการขจัดปัญหาความยากจนให้หมดสิ้นจากแผ่นดินจีน ลบคำปรามาสของนักวิชาการตะวันตกที่ประเมินว่า จีนต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งศตวรรษในการ “ลืมตาอ้าปาก” ลงได้อย่างราบคาบ

 

นับแต่เปิดประเทศสู่โลกภายนอกครั้งใหม่ พรรคฯ ไม่เคยย่อท้อต่อปัญหาอุปสรรค และไม่ลืมปณิธานที่เคยตั้งไว้ ทำให้คนจีนจำนวน 800 ล้านคนหลุดพ้นจากความยากจน และบรรลุเป้าหมายของการเป็น “สังคมที่เจริญในระดับกลาง” ซึ่งนับเป็นหลักหมุดหมายสำคัญที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนใช้ในการฉลองครบรอบ 100 ปีของพรรคฯ ในวันที่ 1 กรกฎาคม ศกนี้

 

แต่พรรคฯ ก็จะไม่หยุดเพียงแค่นั้น เพราะตามแผน 5 ปีฉบับที่ 14 และกรอบแนวทางการพัฒนา 2035 รวมทั้งวิสัยทัศน์ด้านสิ่งแวดล้อม 2060 และอื่นๆ จีนได้เริ่มก้าวย่างบนเส้นทางของแผนยุทธศาสตร์ใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม 
 

พรรคฯ ยังคงไม่ทิ้งเป้าหมายระยะยาว และต้องการผลักดันให้จีนก้าวสู่ยุคของการ “กินดี อยู่สบาย” จีนวางแผนจะพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมโดยให้ความสำคัญกับ “สิ่งแวดล้อม” และ “ประโยชน์ทางสังคม” โดยในปี 2035 จีนจะเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมบางด้าน อาทิ ปัญญาประดิษฐ์ เป็นประเทศที่มีเมืองอัจฉริยะมากที่สุดในโลก และเป็นต้นแบบของระบอบสังคมนิยมยุคใหม่

 

ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจจีนจะขยายตัวขึ้นถึงปีละราว 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วง 15 ปีข้างหน้า เท่ากับว่าเศรษฐกิจจีนในปี 2035 จะมีขนาดถึงราว 30 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ จีนใช้เวลาหลายสิบปีนับแต่เปิดประเทศสู่ภายนอก ในการขยายขนาดเศรษฐกิจขึ้นมาถึง 15 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปัจจุบัน แต่คาดว่าจะใช้เวลาเพียง 15 ปีจากนี้ไปเบ่งเศรษฐกิจขึ้นมาอีกเท่าตัว 

 

ยิ่งพอมองต่อไปถึงปี 2050 จีนก้าวขึ้นเป็นประเทศพัฒนาแล้วเต็มตัว ขนาดเศรษฐกิจและตลาดจีนจะใหญ่กว่าของสหรัฐฯ ในปัจจุบันหลายเท่า จีนยังจะก้าวขึ้นประเทศอัจฉริยะ และขยับสู่ยุคของความเรืองรอง เพื่อฉลองครบรอบ 100 ปีของการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน

 

ไม่ว่าพรรคคอมมิวนิสต์จีนจะมีความมุ่งมั่นตั้งใจมากเพียงใด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าจีนจะต้องเผชิญกับแรงเสียดทานที่ทวีขึ้นในอนาคต อย่างไรก็ดี หาก “ในจีนมีพรรคฯ ในพรรคฯ มีจีน” ผมก็เชื่อมั่นว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนจะยังคงเป็นองค์กรหลักสูงสุดในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศจีนสู่ความรุ่งเรืองในยุคหน้าต่อไปอีกนานเท่านาน

 

ไทยไม่มีพรมแดนติดกับจีน แต่เรามีความสัมพันธ์ในสถานะพิเศษที่เหนือกว่าการเป็นประเทศเพื่อนบ้าน วลีอมตะ “ไทยจีนใช่อื่นกัน ครอบครัวเดียวกัน” เป็นภาพสะท้อนที่บ่งบอกถึงความผูกพันที่ใกล้ชิดระหว่างไทยและจีน

 

บนเส้นทางที่สวยหรูและทอดยาวที่รออยู่ข้างหน้า ไทยเราพร้อมจะจับมือแน่นและเดินทางไกลไปกับจีน เพื่อความมั่นคง มั่งคั่ง มั่นคง และยั่งยืนหรือไม่ ...

 

เกี่ยวกับผู้เขียน : ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร รองประธานและเลขาธิการหอการค้าไทยในจีน ผู้เชี่ยวชาญที่สั่งสมความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับตลาดจีน มุ่งหวังนำข้อมูลและมุมมอง ความคิดเห็นเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจ ธุรกิจ การตลาดและอื่น ๆ  ที่อยู่ในกระแสของจีนมาแลกเปลี่ยนกับผู้อ่าน เพื่อเราจะไม่ตกขบวน “รถไฟความเร็วสูง” ของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจีน