วิกฤติโควิด-19 ยังคงสร้างความปั่นป่วนให้กับวงการอุตสาหกรรมหลายประเภทที่มีชิป หรือเซมิคอนดักเตอร์ เป็นส่วนประกอบที่กำลังขาดตลาด และยังคงเป็นปัญหาใหญ่ต่อเนื่องไปทั่วโลก มีผลกระทบต่อไลน์ผลิตสินค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ และไอที ทั้งสมาร์ทโฟน แท็บเลต ฯลฯ ซึ่งกลุ่มผู้ผลิตรายใหญ่แบรนด์ดังต่างเร่งปรับแผนการผลิตและแผนการตลาดใหม่ เพื่อรับมือกับการบริหารต้นทุนที่จะสูงขึ้น อาจต้องบริหารความเสี่ยงนี้ยาวต่อไปอีกเป็นปี
ต่อเรื่องนี้นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธาน และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงความกังวล และผลกระทบ รวมถึงสถานะของฐานการผลิตรถยนต์ในไทยและอาเซียน
พิษโควิดระบาดต้นเหตุหลัก
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า หากถามว่าตัวแปรสำคัญของความกังวลของกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ในเวลานี้ คงหนีไม่พ้นเรื่องการระบาดของโควิด-19 เป็นอันดับแรก เพราะเป็นต้นเหตุให้เกิดการขาดแคลนชิ้นส่วนยานยนต์และสินค้าอื่น ๆ จากการล็อกดาวน์ และยังห้ามดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจในอีกหลายด้าน ที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อนขาดรายได้ เศรษฐกิจยังตกต่ำ
“ที่กังวลเรื่องนี้เพราะยังไม่ทราบว่าโควิดจะจบลงเมื่อไร เพราะวัคซีนที่หวังกันก็ยังปราบไม่ได้กับโควิด-19 ที่กลายพันธุ์ไปเรื่อย ๆ เป็นเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพและชีวิตของมนุษย์ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชนทุกคนในทุกประเทศเพื่อควบคุมการระบาดให้น้อยที่สุด”
“ชิป”ไม่ขาดแคลนรออีก 4 ปี
ประการถัดมา ที่ยังกังวลคือ การขาดแคลนชิปหรือเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งก็มาจากการระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้โรงงานผลิตรถยนต์ทั่วโลกปิดโรงงานชั่วคราว เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 เมื่อต้นปี 2563 จึงหยุดสั่งซื้อชิปจากผู้ผลิตชิป รวมทั้งบริษัทเกือบทั่วโลกให้พนักงานทำงานที่บ้าน หลายโรงเรียนมหาวิทยาลัยก็ให้นักเรียนนักศึกษาเรียนจากที่บ้านจึงทำให้มีความต้องการใช้แล็ปท็อป และคอมพิวเตอร์มากขึ้น
เวลานี้หลายประเทศผ่อนคลายล็อกดาวน์ รัฐบาลทั่วโลกเริ่มให้มีการดำเนินการทางเศรษฐกิจมากขึ้น ประชาชนมีรายได้มากขึ้น รถยนต์เริ่มขายได้ ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ของปี 2563 แต่ผู้ผลิตชิปมีคำสั่งซื้อจากสินค้าคอมพิวเตอร์ มือถือ ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นก่อนหน้านี้แล้ว จึงผลิตชิปส่งให้ผู้ผลิตรถยนต์ได้ไม่เต็มที่ และเริ่มขาดแคลนเป็นระยะ ๆ ตั้งแต่ต้นปี 2564 ทำให้โรงงานผลิตรถยนต์ทั่วโลกรวมทั้งในไทยต้องชะลอผลิตรถยนต์บางรุ่นออกไปตามระยะเวลาที่ขาดแคลนจนประธานาธิบดีไบเดนของสหรัฐอเมริกาสั่งให้ตรวจสอบห่วงโซ่ของการผลิตชิปและได้จัดงบลงทุนด้านนี้พร้อมทั้งเชิญชวนให้ผู้ผลิตรายใหญ่เข้าไปลงทุนในสหรัฐฯ
ขณะที่ผู้ผลิตชั้นนำด้านนี้ประกาศเงินลงทุนจำนวนมากไปตั้งโรงงานในประเทศต่าง ๆ ซึ่งกว่าจะเสร็จและผลิตได้คงต้องใช้เวลา 3-4 ปี เพราะฉะนั้นการขาดแคลนชิปจึงยังรุนแรงอยู่ คาดว่าจะทำให้ทั่วโลกผลิตรถยนต์ต่ำกว่าเป้าหมายหลายล้านคัน
“การขาดแคลนชิปจะค่อยๆ ลดลงตามการเร่งผลิตของผู้ผลิต การลดลงจากการทำงานจากบ้าน การเรียนทางไกล อีก 4 ปีก็คงมีชิปเพียงพอกับทุกอุตสาหกรรมเมื่อโรงงานผลิตชิปสร้างเสร็จ”
ไทยฐานผลิตรถแถวหน้าโลก
หากถามว่า ไทยยังเป็นฐานการผลิตสำคัญของยานยนต์ต่อไปหรือไม่ นายสุรพงษ์ ฉายภาพให้เห็นว่า ประเทศไทยยังเป็นฐานการผลิตสำคัญของโลกต่อไป โดย เมื่อปี 2562 ก่อนเกิดโควิด-19 ไทยอยู่อันดับที่ 11 ของโลกที่ผลิตรถยนต์มากที่สุด และปีที่แล้ว (2563) ที่เกิดการระบาดของโควิด ไทยก็ยังอยู่อันดับที่ 11 ของโลกที่ผลิตรถยนต์ได้มากที่สุด แต่ละปีประเทศไทยส่งออกรถยนต์กว่า 1 ล้านคันไปทั่วโลกในกว่า 100 ประเทศ
นอกจากนี้ไทยยังเป็นศูนย์ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ส่งออกไปทั่วโลกด้วย ซึ่งยานยนต์และชิ้นส่วนส่งออกมีมูลค่ารวมกันกว่า 1 ล้านล้านบาทมาหลายปีแล้ว และเป็นสินค้าส่งออกอันดับหนึ่งของประเทศ จำนวนรถยนต์ทั้งหมดที่ผลิตได้ในเดือนกันยายน 2564 มีทั้งสิ้น 140,038 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว 6.43% แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคมปีนี้ 34.47% เพราะได้รับชิปและชิ้นส่วนรถยนต์จากประเทศคู่ค้าที่ผ่อนคลายการล็อกดาวน์และเริ่มส่งออกได้เพิ่มขึ้น โรงงานผลิตรถยนต์จึงผลิตเพื่อส่งออกและผลิตขายในประเทศเพิ่มขึ้นจากเดือนสิงหาคมปีนี้ 28.56% และ 40.16% ตามลำดับ
ขณะที่จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนมกราคม - กันยายน 2564 มีจำนวนทั้งสิ้น 1,211,946 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม - กันยายน 2563 ราว 26% โดย 9 เดือนแรกปีนี้ไทยผลิตและส่งออกรถยนต์แล้ว 677,481 คัน
“ช่วง 8 เดือนแรกปีนี้กระทรวงพาณิชย์แถลงข่าวเมื่อเดือนที่แล้ว ยานพาหนะ อุปกรณ์และส่วนประกอบส่งออกมีมูลค่า 25,290.68 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ยัง เติบโต 34%”
สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ในอาเซียน ไทยก็เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้โดยปี 2562 ไทยผลิตรถยนต์ 2,167,694 คัน สัดส่วน 49.61% ของยอดผลิตรถยนต์ทั้งอาเซียน 4,368,870 คัน และ 8 เดือนแรกปีนี้ ไทยผลิตรถยนต์ 1,071,908 คัน สัดส่วน 48.72% ของยอดผลิตของอาเซียน 2,199,907 คัน
สำหรับผู้ผลิตรถยนต์ในอาเซียนรองจากไทย คือ อินโดนีเซียซึ่งจะผลิตปีงบประมาณ 1.2-1.4 ล้านคัน อันดับสาม ประเทศมาเลเซียผลิตปีละ 5-7 แสนคัน อันดับสี่ เวียดนาม ผลิตเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงปีละ 2-4 แสนคัน อันดับห้า ฟิลิปปินส์ ผลิตปีละ 1-2 แสน คัน
“ประเทศไทยผลิตรถยนต์มากเป็นอันดับ 11 ของโลกมาหลายปี ชิปขาดแคลนเกิดกับผู้ผลิตรถยนต์แทบทุกยี่ห้อทั่วโลก จึงไม่น่าจะส่งผลกระทบ ปีที่แล้วผมยังคิดว่าน่าจะอยู่อันดับ 10 แต่รัสเซียซึ่งผลิตน้อยกว่าไทยเล็กน้อยทุกปีผลิตลดลง 17% ไทยลดลง 29% เราน้อยกว่าแค่ 8,261 คัน จึงอยู่อันดับ 11”
เร่งบริหารความเสี่ยง
นายสุรพงษ์ กล่าวช่วงท้ายว่า การบริหารความเสี่ยงช่วงชิปขาด อาจต้องเลิก just in time หันมาสต๊อกมากขึ้น เอาชิปที่ใช้ได้หลายรุ่นไปใส่ในรุ่นที่ขายดีก่อน จากที่ติดตามความเคลื่อนไหวจากวงการยานยนต์ในต่างประเทศ และระยะยาวหลายประเทศเร่งให้ลงทุนผลิตชิปมากขึ้นไม่ว่าสหรัฐฯ ยุโรป จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เพราะมีความสำคัญต่อความมั่นคง อุตสาหกรรม การเงิน การบันเทิง ความเป็นอยู่ของประชาชน และไม่อยากนำเข้าชิปแล้วเพราะเสี่ยงมาก ยิ่งรถยนต์ไฟฟ้าอาจใช้ชิปมากขึ้นสิบเท่า
หน้า 9 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,727 วันที่ 31 ตุลาคม - 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564